ฉายารัฐบาลแกงส้ม ผลัก รวม - เศรษฐา เซลล์แมนสแตนด์ ชิน

View icon 78
วันที่ 27 ธ.ค. 2566
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - เป็นธรรมเนียมทุกสิ้นปีที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลจะมีการตั้งฉายาให้รัฐบาล และนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ

ฉายารัฐบาลแกงส้ม ผลัก รวม - เศรษฐา เซลล์แมนสแตนด์ ชิน
สำหรับฉายารัฐบาล ประจำปี 2566 ได้แก่ แกงส้ม "ผลัก" รวม ที่มาคือ คำว่า "แกง" เป็นคำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่า แกล้ง ส่วน "ส้ม" คือ สีของพรรคก้าวไกล ขณะที่คำว่า "ผลักรวม" ล้อมาจากคำว่า "ผักรวม" เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง เมื่อรวมกันแล้ว คือการสะท้อนกระแสสังคมที่มองว่า พรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOU ถูกฉีก และถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาล "มีลุง" ก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรม "ตระบัดสัตย์" ดังนั้น แกงส้ม "ผลัก" รวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมือง ของการจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า "ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง" ได้เป็นอย่างดี

ไปต่อกันที่ ฉายารัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ฉายา "รองกอง" เนื่องจากถูกโยนให้รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักนั่งหัวโต๊ะหลายเรื่อง, นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฉายา "พลิกทินสู่ดาว" เพราะคงไม่มีใครนึกว่าเก้าอี้กระทรวงนี้จะมาตกอยู่ที่ บิ๊กทิน พลเรือนเต็มขั้น เพราะปกติเก้าอี้นี้ ถ้า นายกฯ ไม่นั่งเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบุคลากรจากกองทัพ

เศรษฐา ชี้ ตั้งฉายา แค่สีสัน เปรียบเป็นรัฐบาลครบเครื่อง
สำหรับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับฉายา เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน" เนื่องจากหลังดำรงตำแหน่งนายกฯ นายเศรษฐา ประกาศตัวเป็นเซลล์แมนเต็มรูปแบบเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แต่ในทางการเมือง ยังถูกมองว่า ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง เงาของคนในตระกูล "ชินวัตร" ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทน หรือ สแตนด์อิน เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเช่นกัน ว่า "นายกฯ คนไหน มีนายกฯ 2 คน"

ภายหลัง นายกฯ รับทราบฉายาตนเอง ได้ตอบสื่อว่า เป็นเรื่องของสีสัน ส่วนเป็นเงาของ นางสาวแพทองธาร ที่รอการขึ้นมาเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อ๋อ โอเค แต่วันนี้ตนก็เป็นนายกฯ อยู่ และทำหน้าที่อย่างเต็มที่

ส่วนความรู้สึกต่อ ฉายา รัฐบาลแกงส้ม "ผลัก" รวม นายกฯ กล่าวว่า ไม่ค่อยเข้าใจคำว่าผลักสักเท่าไร แต่แกงส้มเป็นแกงที่มีรสชาติดี รวมกันหลายพรรค แกงส้มมีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด คิดว่ารัฐมนตรีทุกคนก็ครบเครื่องพร้อมที่จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชน

ส่วนคำว่า "แกง" หมายถึงการแกล้ง พรรคก้าวไกล หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยก็โหวตให้ แต่ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ และเราก็ไม่สามารถคอยได้ 9-10 เดือน ประเทศคอยไม่ได้ แต่ไม่ได้แกล้งแน่นอน

ชาดา ครวญเพลงรับฉายา มาเฟียละเหี่ยใจ
ไปต่อกันที่อีกหนึ่งฉายาที่มอบใหม่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ คือ "มาเฟียละเหี่ยใจ" คนนี้ตอบความรู้สึกมาเป็นบทเพลงเพลงหัวใจละเหี่ย ของ ไข่ มาลีฮวนน่า ไปฟังบทเพลงเพราะ ๆ จากมือปราบมาเฟียหัวใจจะละเหี่ยแค่ไหน

อีกหนึ่งคน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับฉายา "ทวี สอดไส้" เนื่องจากช่วง 3 เดือนแรก แม้ผลงานไม่โดดเด่น แต่ช่วงหลังอยู่บนหน้าสื่อบ่อย ๆ เพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากดันไปมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการรับโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะการส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ ทันที ตั้งแต่วันที่กลับมาเหยียบแผ่นดินไทย ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว เผือกร้อนแค่ไหนคงไม่ต้องถาม แต่มือพองแค่ไหนก็ต้องถือ แม้เรื่องฉายา พันตำรวจเอก บอกว่าไม่ติดใจ แต่ถ้าถามเรื่อง ท่านทักษิณ เมื่อไหร่ ก็จะรีบขอตัวไปประชุมก่อนแบบนี้ 

สำหรับวาทะแห่งปี 2566 ได้แก่ "ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย" เป็นคำประกาศของ นายเศรษฐา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย แต่เรื่องนี้สุดท้ายไม่พ้นโดนโซเชียลแซวแรง เพราะประกาศแบบนี้ แต่ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือน ก็ขอลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นเวลา 4 วันไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากถามนักข่าวที่ตามติดภารกิจ นายเศรษฐา แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตามนายกฯ 3 เดือน เหมือน 3 ปี เพราะท่านทำงานตลอดเวลาจริง ๆ อย่างโพสต์ประเด็นร้อนทันใจ "ภูเก็ตก็แค่ปากซอย" นักข่าวก็เคยได้พิสูจน์แล้วว่า นายกฯ ทำได้จริง