“นายกฯ” ยิ้มรับฉายารัฐบาล “แกงส้มผลักรวม” เข้าใจดีมีทุกปี ส่วน “ชาดา” ครวญเพลง “หัวใจละเหี่ย” ไม่ถือสาฉายา “มาเฟียละเหี่ยใจ” ขณะที่ “สุทิน” ขอบคุณสื่อตั้งให้ “พลิกทินสู่ดาว” หวังแค่ปีหน้าจะไม่กลายเป็น “ดาวดับ”
หลังจากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายาประจำปี 2566 ให้รัฐบาล และ รัฐมนตรี ตามทำเนียมปฏิบัติแล้ว (อ่านข่าวฉายาได้ที่นี่ ) เริ่มมีความเห็นจากคนรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ได้รับฉายา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ติดใจ และ ขอบคุณที่ตั้งให้
ล่าสุด (26ธ.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับฉายา เซลล์แมนสแตนด์ "ชิน" กล่าวว่า ได้เห็นฉายาแล้ว ไม่มีอะไร และ เข้าใจว่าทุกปีก็ต้องมีฉายา
ขณะที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับฉายา “มาเฟียละเหี่ยใจ” พอเจอหน้าผู้สื่อข่าว ก็ครวญเพลง "ละเหี่ยใจ" ของมาลีฮวนน่าขึ้นทันที พร้อมกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้รับฉายา เพราะตั้งกันทุกปี หยอกล้อกันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ถือสาอะไร เพลงที่เพิ่งร้องไปเป็นเพลงโปรด หลังจากนั้นสื่อมวลชน ก็ขอให้ร้องอีกครั้ง นายชาดาก็ไม่ขัดข้อง ร้องเพลงโปรดในดวงใจทันที
ด้านนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับฉายา “พลิกทินสู่ดาว” กล่าวว่า สื่อตั้งอะไรให้ก็ดีทั้งนั้น เคารพวิจารณญาณอยู่แล้ว พร้อมขอบคุณ ย้ำตั้งอะไรให้ก็รับ สำหรับฉายาหลังจากขึ้นสู่ดาว ก็ต้องทำให้เป็นดาวจริงๆ หวังว่าปีหน้าตนเองคงไม่ใช่ดาวดับ ก็ต้องทำให้เป็นดาวเด่น
เช่นเดียวกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ฉายา “รองกอง” ก็ยิ้มรับเช่นกัน ก่อนให้ความเห็นถึงฉายารัฐบาล “แกงส้มผลักรวม” ว่า รัฐบาลนี้ไม่มีผลัก พร้อมทำงานกัน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล 314 เสียง
ส่วน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.รกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงการตั้งฉายารัฐบาลแกงส้ม"ผลัก" รวม ว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ตั้งฉายารัฐบาล สรรหาคำและความหมายต่างๆ ทั้งคำว่า แกง ส้ม ซึ่งในแกงส้ม ก็มีผักหลายชนิดหลายรสชาติ มีทั้งหวาน มัน ขมบ้างเค็มบ้าง แต่รวมๆแล้วมีประโยชน์ ต่อร่างกาย เชื่อว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ถ้าคิดสูตรและเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อประชาชน เหมือนกับการรับประทานแกงส้มเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
แต่มีการให้นิยามว่า เป็นการฉีกเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกล เพื่อร่วมกับรัฐบาลชุดก่อนซึ่ง นายวราวุธ มองว่า การเซ็น MOU ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ หลังการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งตนเองอยู่มาหลายรัฐบาล ก็ไม่เคยเห็นการเซ็น MOU แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลก่อนหน้านี้ หรือรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่เคยเห็นการเซ็น MOU แล ะเปลี่ยนขั้วจับคู่นั้นจับคู่นี้ เมื่อสมการทางการเมือง จับแล้วไม่สามารถดำเนินการจัดตั้งได้ จำเป็นที่จะต้องหาสมการ ทำให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2566 ที่ผ่านมา จนถึงจุดจะต้องรัฐบาล ก็เกิดเหตุทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นเหตุจำเป็นทำให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่ทำให้รัฐบาลเดินหน้าไปได้ และ ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในปัจจุบัน
