ปรับ 200 บาท จบคดีทุบกระจกรถบนทางด่วน

View icon 65
วันที่ 13 มี.ค. 2567
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - "ชายหัวร้อน" ที่เรานำเสนอข่าวไปเมื่อวาน ตำรวจสรุปว่าเข้าข่ายความผิด 2 ข้อหา ข้อหาแรก ทำให้เสียทรัพย์ จบได้เพราะผู้เสียหายไม่อยากเอาความ ส่วนข้อหาที่ 2 ขู่เข็ญทำให้เกิดความหวาดกลัว ที่อาจต้องคุมตัวส่งไปฝากขังที่ศาล เพราะเป็นคดีอาญา แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้จบลงแบบนั้น

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งจากผู้กำกับการ สน.ทุ่งมหาเมฆ ที่พูดไว้หลังได้สอบปากคำผู้ต้องหาไปเบื้องต้น คือ พบว่าเหมือนจะมีบางครั้งที่ผู้ต้องหาคล้ายกับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เป็นข้อสงสัยสำคัญที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า หากจะต้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ผู้ต้องหามีสติสัมปชัญญะดีหรือไม่ เพราะมีผลต่อการพิจารณาคดี

ซึ่งเดิมก็ตั้งใจว่าจะติดต่อญาติให้มาร่วมรับฟังการแจ้งข้อกล่าวหา หรือจะให้พาไปตรวจเรื่องอาการป่วยทางจิตเวช แต่ติดต่อไปแล้วญาติไม่มา บอกให้ตำรวจดำเนินคดีได้เลย ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ต้องหา

ก็เลยตกเป็นภาระที่ตำรวจต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจประเมินสภาพอาการป่วยทางจิตเวชตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งปรากฎว่าแพทย์วินิจฉัยแล้ว ลงความเห็นว่าผู้ต้องหาสภาพจิตปกติ มีสติสัมปชัญญะ สามารถต่อสู้คดีได้

ผู้กำกับการ สน.ทุ่งมหาเมฆ บอกว่า เนื่องจากข้อหาทำให้เสียทรัพย์ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ จึงไม่ต้องมีการดำเนินคดีในข้อหานี้ ส่วนข้อหาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ โดยการขู่เข็ญ พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับไป 200 บาท ผู้สื่อข่าวก็ถามย้ำว่าทำไมถึงเป็นโทษปรับ ก็เพราะเป็นคดีลหุโทษที่พนักงานสอบสวนสามารถใช้ดุลยพินิจใจการดำเนินคดีได้ ทำให้เมื่อสั่งปรับเสร็จสิ้น ก็จึงได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป เท่ากับคดีสิ้นสุดลงตรงนี้