ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตำรวจรู้ตัวคนขับรถแท็กซี่ ที่ร่วมกับคนขับรถแท็กซี่ป้ายดำ รุมทำร้ายร่างกายผู้โดยสารที่ย่านสุขุมวิทแล้ว มีด้วยกัน 8 คน เตรียมเรียกมาสอบปากคำ ขณะที่คนขับรถแท็กซี่ป้ายดำต้นเรื่อง เข้าให้ปากคำกับตำรวจแล้ว อ้างถูกผู้เสียหายให้ของลับ จึงตามไปคาดคั้นให้ผู้เสียหายขอโทษจนเกิดเรื่อง
ก่อนอื่นไปดูภาพวงจรปิดอีกมุมที่เกิดเรื่อง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางดึก วันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริเวณปากซอยสุขุมวิท 38 มีผู้โดยสาร 3 คน ผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน ตามภาพที่เห็นในรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง กำลังพยายามบอกให้คนขับรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ ขับหนีไป เพราะถูกกลุ่มชายฉกรรณ์ล้อมรถ และเปิดรถเข้ามาทำร้ายร่างกาย
เนื่องจากก่อนหน้านั้นผู้โดยสารกลุ่มนี้ ได้เรียกรถแท็กซี่จากซอยทองหล่อ 12 ไปสุขุมวิท 24 แต่ได้รับการปฏิเสธ 1 ใน 3 คน ก็เลยถามว่าทำไมไม่ไป และบังเอิญมองไปเห็นป้ายทะเบียนเป็นสีขาว และผู้เสียหายก็ยอมรับว่าเมา และด้วยความเปรี้ยวของผมเองนี่แหละ จึงพูดออกไปว่า "ทำไมถึงไม่ไปหรอ อ้างรถผิดกฎหมายนี่ ทะเบียนเป็นป้ายดำ"
เมื่อคืนที่ผ่านมา คนขับแท็กซี่ป้ายดำที่ก่อเหตุ ก็เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจ ก่อนจะเปิดใจกับทีมข่าว 7HD ยืนยันว่า ไปจอดรถรอรับลูกค้าที่เรียกผ่านทางแอปฯ ไม่ได้รับผู้โดยสารทั่วไป เพราะทราบว่าผิดกฎหมาย ซึ่งหลังจากผู้เสียหายถูกปฏิเสธ ก็ถูกด่าว่าด้วยคำไม่สุภาพ แต่ที่ทำให้เขาโมโหจนสติหลุด เพราะถูกผู้เสียหายให้ของลับทั้งด้วยสัญลักษณ์มือและด้วยวาจา จึงเข้าไปผลักอก คาดคั้นให้ผู้เสียหายขอโทษ แต่ผู้เสียหายไม่ยอม แม้กระทั่งขึ้นรถแท็กซี่คันใหม่ไปแล้ว ผู้เสียหายก็ยังคงให้ของลับ จึงตามไปถึงจุดเกิดเหตุ
สอบถามไปยัง พันตำรวจเอก พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า นอกเหนือจากคนขับรถแท็กซี่ป้ายดำต้นเรื่องแล้ว ตำรวจได้พิสูจน์ทราบตัวบุคคล ที่เข้าไปร่วมในเหตุการณ์ล้อมรถแท็กซี่ของผู้เสียหายได้ครบทุกคนแล้ว ซึ่งมีผู้ร่วมในเหตุการณ์อีก 7 คน โดยทราบทั้งชื่อนามสกุล และรถที่ใช้ขับไปที่จุดเกิดเหตุ อยู่ระหว่างเรียกมาให้ปากคำ
ซึ่งคดีนี้ยังต้องรอใบรับรองแพทย์ที่ผู้เสียหายไปตรวจร่างกายก่อน จึงจะเรียกตัวผู้ก่อเหตุทุกคนเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา คาดว่าน่าจะดำเนินการได้ทั้งหมดภายในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ส่วนจะเป็นข้อหาใดนั้นต้องรอใบรับรองแพทย์ของผู้เสียหายว่า จะเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่สาหัส ส่วนเรื่องการนำรถป้ายดำมาใช้รับผู้โดยสาร ก็จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับไปในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ทราบว่าผู้เสียหาย ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และจะให้ไปเปรียบเทียบปรับผู้ก่อเหตุในชั้นศาลเท่านั้น ตำรวจจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และทำสำนวนให้แล้วเสร็จเพื่อให้ศาลพิจารณาโทษต่าง ๆ
