ห้องข่าวภาคเที่ยง - ปีนี้ค่าจ้างขั้นต่ำ ปรับขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง และมีแนวโน้มที่จะปรับครั้งที่ 3 แต่ตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ไม่เห็นด้วย ที่จะปรับ 3 ครั้ง ในรอบ 1 ปี เพราะไม่มีเหตุสมควร และเหมือนจะสอดคล้องกับฝ่ายลูกจ้าง ที่กังวลว่า ราคาสินค้า ก็จะปรับตาม เท่ากับไม่มีประโยชน์
จากการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ เมื่อวานนี้ ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ปีนี้จะเห็นการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่จะปรับขึ้นถึง 3 ครั้งในรอบ 1 ปี ระหว่างนี้ให้อนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ไปศึกษาข้อมูลภายใน 2 เดือน ว่ามีประเภทกิจการใดที่พร้อม และสามารถปรับขึ้นค่าจ้างเป็น 400 บาทต่อวันได้ ก่อนเสนอกลับมายังบอร์ดค่าจ้าง เพื่อพิจารณา คาดว่า จะชัดเจนเดือนกรกฎาคมนี้
นายอรรถยุทธ ลียะวณิช ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ในคณะกรรมการค่าจ้างชุดปัจจุบัน บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นอีก เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี เพราะเพิ่งปรับไป 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อ 1 มกราคม และครั้งที่ 2 ปรับในธุรกิจโรงแรมบางพื้นที่ เมื่อ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งที่จริงแล้วควรปรับปีละครั้งพอ ซึ่งต้องดูปัจจัยของอัตราเงินเฟ้อ ราคาสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ เพราะไม่อย่างนั้น ผลกระทบจะตกกับนายจ้าง สถานประกอบการ และธุรกิจกลุ่ม SME ที่อาจต้องปิดกิจการลง
ด้านนายวีรสุข แก้วบุญปัน ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง สะท้อนว่า การปรับขึ้นค่าจ้าง ดีกับลูกจ้างอยู่แล้ว แต่รัฐบาลต้องคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย ไม่เช่นนั้นพอปรับค่าจ้างขึ้น ค่าสินค้า อาหาร ขึ้นตาม เท่ากับเงินที่ได้มาเพิ่ม ก็ไร้ประโยชน์ ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุมราคาสินค้า มากกว่าปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท
