หนุ่มป่วยจิตเวช มาเปิดห้องพักโรงแรม แต่เมื่อหมดเวลาเข้าพัก กลับไม่ยอมออกจากห้องพัก

View icon 187
วันที่ 15 ม.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มป่วยจิตเวช มาเปิดห้องพักโรงแรม แต่เมื่อหมดเวลาเข้าพัก กลับไม่ยอมออกจากห้องพัก นอนดูทีวี เปิดแอร์อย่างสบายใจ เจ้าของโรงแรม พยายามเข้าเจรจาแต่ไม่ยอมออก สุดท้ายต้องแจ้งตำรวจมารับตัวไป สภ. เพื่อติดต่อญาติมารับ

เวลาประมาณ 21.00 น. วันนี้ ( 14 ม.ค.67 ) พ.ต.ท.อรรณพ จันทร์ภักดี สวป. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุจากนายภาคภูมิ อายุ 51 ปี เจ้าของโรงแรม ว่ามีหนุ่มคนหนึ่ง มาเปิดห้องพัก เมื่อหมดเวลาเช่าห้องพักแล้ว กลับไม่ยอมออกจากห้องพัก ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ ถนนศุภกิจ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าชายคนดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือนาย กวิน อายุ 26 ปี ได้ยอมออกมานั่งรออยู่ที่หน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบภายในห้องพัก VIP 11 ของนายกวิน โดยไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด จึงออกมาคุย เพื่อเจรจาให้นายกวิน ออกจากโรงแรมที่พัก แต่นายกวินก็ปฏิเสธ บางครั้งก็พูดรู้เรื่องบ้าง บ้างครั้งก็ตอบคำถามไปในคนละเรื่องที่ถาม บอกแต่เพียงว่าจะโทรศัพท์ติดต่อหาเพื่อนให้มารับ แต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์ของนายกวิน  เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเจรจาอยู่นาน จนนายกวินยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็ยังไม่ยอมไปโรงพัก เดินออกมายืนอยู่บริเวณด้านนอกโรงแรม เมื่อนายกวินเห็นกล้องของผู้สื่อข่าว ก็โพสต์ท่าเล่นกับกล้อง

โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอดูเบอร์โทรศัพท์แม่ของนายกวิน ก่อนจะทำการโทรติดต่อ จนทราบว่าบ้านของนายกวินอยู่ที่ตำบลหนองคอก อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา และทราบว่านายกวินป่วยจิตเวช  โดยแม่ของนายกวิน ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายกวินไปไว้ที่สถานีตำรวจภธรเมืองฉะเชิงเทราก่อน และกำลังออกจากบ้าน เพื่อเดินทางมารับตัวลูกชาย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นโทรศัพท์ให้นายกวิน คุยกับแม่  นายกวินบอกแต่เพียงว่าเดียวจะมีคนมารับ แต่แท้จริงแล้ว คำพูดนี้นายกวินพูดมาตั้งแต่เย็น แต่ก็ไม่มีคนมารับ  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการสุดท้าย เพราะนายกวิน ลุกขึ้นเดินหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประชิดตัว จนนายกวินยอมไปกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ถูกเนื้อต้องตัว ก่อนจะยอมขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปรอแม่ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา

นายภาคภูมิ  เจ้าของโรงแรม เปิดเผยว่าตนเองเปิดโรงแรมมาตั้งนาน ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้  ซึ่งเมื่อวานนี้ ( 13 ม.ค. 67 ) ได้มีนายกวินและเพื่อนชาย ได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาเปิดห้อง ช่วงเวลาประมารณ 12.00 น. จนมาถึงช่วงเที่ยงวันนี้ แม่บ้านได้เข้าไปแจ้งว่าครบเวลาในการเช่าห้องพัก และสอบถามว่าจะมีการเช่าห้องพักต่อหรือไม่ พบว่าภายในห้องเหลือเพียง แต่นายกวิน ส่วนเพื่อนชายไม่ได้อยู่ภายในห้อง  นายกวิน บอกแม่บ้านว่าขอรอเพื่อนกำลังเข้ามารับ จึงได้ให้รออยู่ภายในห้อง  จนถึงช่วงเวลาบ่าย 2 โมง แม่บ้านต้องเข้าไปทำความสะอาดห้อง เพื่อรอรับลูกค้าที่จะเข้ามาเช่าใหม่ แม่บ้านจึงเคาะถามนายกวิน เพื่อให้ออกมาจากห้อง แต่นายกวินก็ไม่ยอมออก บอกแต่เพียงว่าจะรอเพื่อน ทำให้แม่บ้านสับเบรคเกอร์ไฟที่อยู่ด้านหน้าห้องลง เพื่อดับไฟ แต่พอหลังจากที่แม่บ้านเดินออกมาจากห้องแล้ว นายกวิน ก็เปิดห้องเดินออกมายกเบรคเกอร์ไฟขึ้น เปิดแอร์ดูทีวี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จนช่วงเย็นเวลาประมาณ 5 โมง ตนเองจึงได้นำกุญแจสำรองไปไข เพราะเกรงว่านายกวิน อาจจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย พอไขประตูห้องเข้าไปนายกวิน ก็นอนอยู่เป็นเตียง ดูทีวี เปิดแอร์ อย่างสายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ก่อนจะเจรจาขอร้องให้นายกวิน มารอที่ด้านหน้าของโรงแรม เพราะห้องต้องทำความสะอาด  จนนายกวิน ยอมออกมาและบ่นว่าหิว โทรศัพท์แบตหมด ตนเองจึงให้ลูกน้องไปซื้อมาม่าต้มให้กิน แถมให้ยืมที่ชาร์ตโทรศัพท์ และสอบถามว่าบ้านอยู่ที่ไหน จะพาไปส่งที่สถาขนส่งและให้เงินเป็นค่ารถกลับบ้าน แต่นายกวิน ก็พูดจาวกวนไปมา บางครั้งบอกว่าอยู่ที่ท่าตะเกียบ พอถามอีกก็บอกว่าอยู่ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่ง
ขณะที่ซักถามกันอยู่นั้น นายกวิน ยังชี้ไปที่กระจกที่อยู่ข้างโรงแรมด้านหน้า ซึ่งเป็นห้องพระ และบอกว่ามีคนทำเล็บอยู่ด้านในและควักมือเรียกให้นายกวิน เข้าไปรอในนั้น  ตนเองเห็นว่าเมื่อผ่านไปเนินจนถึงช่วงค่ำ นายกวินก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปไหน หรือจะมีใครมารับ จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ