เสี่ยบิ๊กดาวเขียว เจ้าของรถบรรทุก โผล่ให้ปากคำ ด้าน คนขับถูกแจ้ง 2 ข้อหา

View icon 359
วันที่ 10 พ.ย. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เสี่ยบิ๊กดาวเขียว เจ้าของรถบรรทุก โผล่ให้ปากคำส่วยสติกเกอร์ ตำรวจตั้ง 3 ประเด็นสอบสวน ขณะที่ คนขับถูกแจ้ง 2 ข้อหา พร้อมขยายผลเอาผิดประเด็นอื่น

วันนี้ (10 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพชรพล จันทรินทรากร หรือ “เสี่ยบิ๊กดาวเขียว” ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ครอบครองรถบรรทุกที่ตกบ่อพักร้อยสายไฟ และนายศักดิ์มงคล หรือบอย อายุ 29 ปี คนขับรถคันดังกล่าว เดินทางเข้าให้ปากคำกับพล.ต.ต. สุวิชชา จินดาคำ ผู้บังคับการกองบังคับการ 10 จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนจเรตำรวจแห่งชาติ และ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับส่วยสติกเกอร์ โดยระหว่างเข้าให้ปากคำ เสี่ยบิ๊กไม่ตอบคำถามใดๆ ต่อสื่อมวลชน

สำหรับคดีนี้คณะทำงานได้กำหนดแนวทางการสอบสวนไว้ 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ตรวจโครงสร้างคานเหล็กจุดเกิดเหตุเทียบเคียงกับจุดอื่น โดยจะต้องประสานข้อมูลร่วมกับวิศวกรรมสถาน  2. เรียกสอบปากคำบุคคลที่ปรากฏในคลิปว่าเป็นผู้ขนถ่ายน้ำมันออกจากรถ สอบปากคำสารวัตรจราจรที่ปรากฏภาพอยู่ในที่เกิดเหตุ และตรวจสอบถังน้ำมัน โดยให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบถังแกลลอนน้ำมัน เพื่อเทียบเคียงกับภาพที่ปรากฏในคลิป

3. สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ผู้ควบคุมงานโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรู และนายหน้าผู้รับเหมา ผู้ควบคุมดูแลบ่อพักร้อยสายไฟใต้ดินจุดเกิดเหตุ  ผู้ดูแลสถานที่จุดเทดินในซอยรามอินทรา 19 พนักงานขับรถตักดินของโครงการก่อสร้าง ผู้ที่กองดินที่นำดินออกจากจุดเกิดเหตุไปพักไว้ที่ไซต์งาน คนขับรถบรรทุกทั้ง 3 คันรวมถึงคันที่เกิดเหตุ สอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของสติกเกอร์ดาวเขียว สอบปากคำรถบรรทุกทุกคันที่ขับเข้าออกโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียม บริษัทการไฟฟ้านครหลวงที่ดำเนินการขุดบ่อ เป็นต้น

ด้าน พล.ต.ต. พัลลภ แอร่มหล้า รรท.รอง ผบช.น. เผยว่า หลังจากแจ้ง 2 ข้อหากับคนขับรถแล้ว ในวันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกเจ้าของรถเข้ามาสอบปากคำ เพื่อขยายผลว่ามีส่วนรู้เห็นกับการสั่งให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ หรือมีเจตนาสั่งการใดๆ ในการเคลื่อนย้ายทำลายหลักฐานหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ทั้งเจ้าของและผู้ที่เคลื่อนย้ายหลักฐานก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย แต่เบื้องต้นกรณีการถ่ายน้ำมันออกจากรถของกลาง อ้างว่าเป็นการถ่ายออก เพราะกลัวถังน้ำมันรั่ว จะเกิดการระเบิด

ส่วนรถอีกประมาณ 6-7 คัน ของเจ้าของรถหลายนี้ยังไม่ได้ห้ามวิ่ง เจ้าของรถสามารถนำรถมาวิ่งได้ตามปกติ หากไม่กระทำผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทางตำรวจก็จะจับตาเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้สั่งการให้ตรวจสอบในความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการดัดแปลงรถบรรทุกและอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ รวมถึงตรวจสอบบ่อพักร้อยสายไฟว่ามีการก่อสร้างตรงตามหลักทางวิศวกรรมหรือไม่ โดยได้ร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย หรือ วสท. นำชิ้นส่วนคานรับน้ำหนักไปตรวจสอบแล้ว ส่วนประเด็นเรื่องส่วยสติกเกอร์ ทางจเรตำรวจกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ