สั่งซีลกรุงเทพฯ ห้ามรถบรรทุกน้ำหนักเกินเข้า

View icon 170
วันที่ 10 พ.ย. 2566
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - ใครจะไปคิดว่า ปัญหาส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก จะมาโผล่ใจกลางกรุงเทพฯ หลังเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกตกท่อร้อยสายไฟ ใต้สถานีบีทีเอสปุณณวิถี ใกล้ปากซอยสุขุมวิท 64/1 เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องไล่ดูกันทุกมุมว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

กรณีนี้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้สังคมอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า สติกเกอร์ที่เห็นติดอยู่หน้ารถบรรทุกคันที่ประสบอุบัติเหตุ เป็นส่วยสติกเกอร์ และอย่าเพิ่งสรุปว่าตำรวจทุจริต ขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งหากพบว่าตำรวจนายใดทำผิด จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา

ส่วนที่ สน.พระโขนง ตำรวจได้เรียกตัว "นายบอย" คนขับรถบรรทุกมาสอบปากคำ ซึ่งก่อนที่จะเข้าพบตำรวจ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปถาม "นายบอย" ถึงข้อเท็จจริง ในประเด็นเรื่องน้ำหนักรถบรรทุก เจ้าตัวตอบแบบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่า จริง ๆ แล้วก่อนที่รถบรรทุกจะออกจากจุดบรรทุกดิน มีการชั่งน้ำหนักมาแล้ว แต่หนักเท่าไรตนเองก็ไม่รู้ จากนั้นก็ขอไม่ตอบคำถาม แล้วพยายามเดินฝ่าผู้สื่อข่าวไปพบตำรวจ

ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำอุปกรณ์เครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ไปชั่งน้ำหนักรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุ พบว่า ล้อหน้า หนัก 5.1 ตัน ล้อกลาง หนัก 16.4 ตัน และล้อหลังสุด หนัก 15.9 ตัน น้ำหนักรวมสุทธิ 37.450 ตัน เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะกฎหมายกำหนดให้รถบรรทุก บรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 25 ตัน

อีกข้อสังเกต ทีมงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ สังเกตเห็นคนนำน้ำมันไปเทใส่ถังแกลลอนขนาดใหญ่ท้ายรถกระบะ ตามข้อมูลระบุว่าเป็นน้ำมันที่มาจากรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุ เมื่อลองคำนวณน้ำมันดังกล่าว และสภาพอากาศที่อาจทำให้ดินเริ่มแห้ง อาจทำให้น้ำหนักแท้จริงของรถคันนี้ ตอนเกิดเหตุ มากกว่า 37.450 ตัน แต่เรื่องนี้ตำรวจยืนยันว่าไม่ส่งผลต่อคดี เพราะอย่างไรน้ำหนักก็เกินกว่ากฎหมายกำหนด

ยิ่งไปกว่านั้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับข้อมูลงานวิจัยการชั่งน้ำหนักรถของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยติดตั้งเครื่องวัด Bridge Weight Motion หรือ เครื่องตรวจชั่งน้ำหนักใต้สะพาน พบว่า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา สามารถจับภาพและเลขทะเบียนตรงกับรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุว่า มีการบรรทุกสิ่งของรวมน้ำหนักรถบรรทุก อยู่ที่ 61.4 ตัน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ซึ่งนอกจากน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปถึงกว่า 36 ตัน ยังวิ่งรถนอกเวลาที่ได้รับอนุญาตด้วย

ขณะที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ บิ๊กโจ๊ก ได้เรียกประชุมหารือกับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และชุดคลี่คลายคดีว่ามีการสืบสวนสอบสวนไปแล้วได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง

บิ๊กโจ๊ก บอกว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับคนขับรถบรรทุก ฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนเจ้าของรถต้องรอเรียกตัวมาสอบปากคำก่อน ว่ารู้เห็นเรื่องการบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ รวมถึงเรื่องการเจรจาชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง ส่วนตัวรถฯ ต้องอายัดไว้ระหว่างการดำเนินคดี ส่วนที่มีภาพผู้ประกอบการให้คนงานตักดินออกไปเมื่อวาน จากการสอบถามทราบว่า เป็นการตักดินออกเพื่อให้เคลื่อนย้ายรถขึ้นมาจากจุดเกิดเหตุได้เท่านั้น จากนั้นก็เทดินกลับไปไว้ในรถตามเดิม

ส่วนประเด็นเรื่อง ส่วยสติกเกอร์ ผู้เกี่ยวข้องอ้างว่า ติดไว้เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถไซต์งานตนเอง ซึ่งชุดคลี่คลายคดียังไม่ปักใจเชื่อ เพราะพบเส้นทางที่รถคันนี้วิ่งผ่าน เกี่ยวข้องกับตำรวจหลายพื้นที่ ต้องดูต่อไปว่า ที่ผ่านมาเหตุใดจึงไม่มีการถูกจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน

ทั้งนี้ มั่นใจว่า การสอบข้อเท็จจริงประเด็นส่วยสติกเกอร์ จะมีข้อสรุปภายใน 3 วัน ตามกรอบที่ขีดเส้นไว้

ส่วนแนวทางแก้ปัญหาจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเปิด "ปฏิบัติการซีลกรุงเทพฯ" โดยให้ตำรวจท้องที่ร่วมกับกรมทางหลวง นำตาชั่งเคลื่อนที่ไปตรวจชั่งน้ำหนักถึงหน้าไซต์งาน

ส่วนการแก้ไขปัญหาของกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าฯ กทม. บอกว่า ในอนาคต กทม.จะมีการติดตั้งเครื่องตรวจชั่งน้ำหนักใต้สะพาน 10 จุด โดยจะไม่บอกว่ามีจุดไหนบ้าง เพื่อตรวจจับการกระทำผิดอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมวางแผนทั้งระยะสั้น และระยะยาว ร่วมกับตำรวจ ในการลงพื้นที่สุ่มตรวจน้ำหนักรถบรรทุก ซึ่งมีเป้าหมายทั้งหมด 319 ไซต์งานก่อสร้าง รวมถึงประสานกรมทางหลวง ช่วยสุ่มตรวจรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน หากพบมีการกระทำผิด ก็จะพิจารณาตักเตือน หรืออาจสั่งหยุดการก่อสร้างจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหา

ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา การไฟฟ้านครหลวง และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 5 และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันเปิดฝาบ่อ ร้อยสายไฟ ใต้สถานีบีทีเอสปุณณวิถี เพื่อนำคานเหล็กที่หักไปตรวจสอบว่ารับน้ำหนักได้เท่าไร

นอกจากนี้ เมื่อคืน ผู้ว่า กทม. พร้อมเจ้าหน้าที่ กทม. และกรมทางหลวง ยังจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ 2 คัน บนถนนเทพรักษ์ ซึ่งได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน