เรืองไกร เรียกร้อง พิธา ตอบให้ชัด ขายหุ้นไอทีวี

View icon 59
วันที่ 6 มิ.ย. 2566
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - วันนี้ คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้ร้องคดีถือหุ้นสื่อของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในประเด็นคุณพิธา เทขายหุ้นสื่อไอทีวี และยื่นหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมเรียกร้องให้ตอบชัด ๆ เทขายหุ้นสื่อแล้ว?

โดยยื่นให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า คุณพิธา เทขายหุ้นบริษัทไอทีวี 42,000 หุ้น ไปแล้วหรือไม่ หลังได้รับข้อมูลว่ามีการแอบเทขายหุ้นออกไป เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงจะไปยื่นหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อมัดตัวคุณพิธา นั่นก็คือคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่ไม่เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ที่ระบุว่าสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. บอกเลิกสัญญากับบริษัทไอทีวีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้ต้องชดใช้เงินกว่า 2,800 ล้านบาทให้กับไอทีวี ซึ่งเป็นหลักฐานชี้ว่า ไอทีวียังประกอบกิจการสื่อฯอยู่

ส่วนประเด็นการขายหุ้นหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้พ้นข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น คุณเรืองไกร เห็นว่าแม้จะเทขายหุ้นสื่อออกไปแล้ว แต่เป็นการขายหุ้นหลังวันรับสมัครเลือกตั้ง เพราะวันที่ 26 เมษายน 66 ยังพบว่าหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น ยังคงเป็นชื่อของคุณพิธา ซึ่งถือว่าการกระทำความผิดได้สำเร็จไปแล้ว ต้องขาดจากคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ สส. รวมถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพราะผิดข้อบังคับของพรรค ข้อที่ 12 ว่าด้วย การเป็นสมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่รัฐธรรมนูญ

ก็เรียกว่า คุณเรืองไกรนี่ เก็บรายละเอียดทุกเม็ด โดยวันนี้เป็นการยื่นหลักฐานเกี่ยวกับคุณพิธาต่อ กกต.เป็นครั้งที่ 7 มาดูกันหน่อยว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่ครั้งแรก ให้ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็น สส. ให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีขาดคุณสมบัติสมัคร สส.หรือไม่ ต่อมายื่นหลักฐานให้ตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ครั้งที่ 3 ให้ตรวจสอบว่ามีชื่อถือหุ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2549 จนถึงปี 2566 รวม 18 ปี จากนั้นให้ตรวจสอบในใบ บมจ.6 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ไม่ได้วงเล็บว่าเป็นผู้จัดการมรดก

ครั้งที่ 5 ยื่นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคุณธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ สส.พรรคอนาคตใหม่ มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร สส. เพราะถือครองหุ้นสื่อ ซึ่งคำวินิจฉัยยึดตามตัวบทกฎหมายว่า ถือหุ้นหรือไม่ และบริษัทยังประกอบกิจการ หรือจะกลับมาประกอบกิจการได้หรือไม่ โดยไม่ได้วางหลักว่าต้องถือหุ้นมากน้อยแค่ไหน

ครั้งที่ 6 ให้ตรวจสอบการเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลว่าขัดกับข้อบังคับของพรรคหรือไม่

ส่วนครั้งที่ 7 ก็คือวันนี้ ที่จะยื่นตรวจสอบการเทขายหุ้น และยื่นคำพิพากษาศาลปกครองกลาง หวังมัดตราสังข์กันอีกรอบว่า ไอทีวียังประกอบกิจการสื่ออยู่

แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นคำกล่าวหาที่คุณพิธา ยังมั่นใจ ชี้แจงได้ทุกกรณี พร้อมเตรียมทีมทนายความสู้คดีในชั้น กกต.เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีการให้คำตอบที่ชัดเจน เกี่ยวกับการเทขายหุ้นไอทีวีไปแล้วหรือไม่ ต้องตามกันต่อว่า กกต.จะเรียกให้คุณพิธา ไปชี้แจงเมื่อไหร่ และคำชี้แจงจะมีน้ำหนักมากพอที่จะหักล้างข้อกล่าวหาหรือไม่