อกธรณี
อกธรณี
 

อกธรณี

บทประพันธ์ : ธม ธาตรี (เชิด ทรงศรี) บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี

เขตต์ ฐานทัพ,อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์,อธิชนัน ศรีเสวก,วรพล จินตโกศล,คริษฐา สังสะโอภาส,ฉัตรดาว สิทธิผล,ศรุฒ สุวรรณภักดี,นคินธร โพธิผละ

เรื่องย่ออกธรณี

เสียงกลองโพนเร้าใจแว่วนำมา แล้วสักครู่จึงมีเสียงตะโกนบอกต่อๆ กันว่า  “นมพระมาแล้ว….    นมพระมาแล้ว….” ผู้คนมากมายที่มุงแน่นอยู่ตลอดแนวถนนราชดำเนิน ต่างไหวตัวคึกคัก จากนั้นขบวนชักพระอันเป็นประเพณีสำคัญประเพณีหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ปรากฏแก่สายตา ทุกขบวนมุ่งสู่สนามหน้าเมือง แต่ละขบวนตกแต่งประชันกันอย่างสุดฝีมือ

รถ 3 ล้อถีบคันหนึ่งกำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์และหอพระอิศวร มาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันใดตามคำสั่งของผู้โดยสาร ผู้โดยสารคนนั้นลงจากรถ และเราจะเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อมาก ร่างสูงล่ำสันสง่าผึ่งผาย บ่งบอกความเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว การแต่งกายบอกชัดว่าเขามาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มเดินไปดูขบวนชักพระร่วมกับคนอื่นที่ริมถนน นมพระขบวนหนึ่งที่เข้ามาใกล้มีสาวสวยแต่หน้าทะเล้นรำนำหัวขบวนลอยหน้าลอยตาเฉิบๆ  เธอรำไปด้วยต่อปากต่อคำแหย่ น้าแม้น (ประสาท ทองอร่าม) ชายผู้สูงวัยกว่าซึ่งทำหน้าที่ตีกลองโพนในขบวน แม้นเรียกนังสาวหน้าทะเล้นว่า กำไล (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และฉับพลันที่กำไล เห็นชายหนุ่มชาวกรุง เธอทิ้งขบวนโลดแล่นมาหาเขาทันใดด้วยความดีใจเหลือแสน กำไลเรียกเขาว่าพี่ ลอย (เขตต์ ฐานทัพ) ความดีใจทำให้กำไล พูดจนแทบไม่หายใจและแทบไม่เว้นช่องว่างให้ชายหนุ่มได้พูดเลย ลอยถามถึง สารภี (อธิชนัน ศรีเสวก) กำไลบอกว่า สารภีไปทำบุญที่วัดพระมหาธาตุกับแม่ เมื่อลอยจะไปวัด กำไลขอตามไปด้วย  เธอบอกว่ารับรองว่าเธอจะไม่ไปขัดคอลอยกับสารภี และเมื่อกำไลบอกว่า ลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี  คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก

เขาคือ ลอย บุญลือ เด็กชายผู้เมื่อจำความได้ก็เห็นแต่ว่าเขาอยู่กับ ย่าจันทร์ (เมตตา รุ่งรัตน์) ที่บ้านท้ายตรอกตึกดิน เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ ย่าบอกว่าเขาเป็นลูกตะเข้ที่ลอยน้ำมาจากคลองหน้าเมือง แล้วย่าไปพบจึงเก็บมาเลี้ยง  ย่าทำขนมตาลขาย และลอยคือ ลูกมือจอมขี้เกียจคนเดียวของย่า รวมไปถึงช่วยย่าขายขนมด้วย เมื่อลอยอายุครบเข้าโรงเรียน ย่าพาไปฝากเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพระเดิม แต่ลอยเรียนได้เพียงชั้นประถม 3 ก็ออก เพราะไปทำร้ายเพื่อนจนถูกครูตี และเมื่อลอยเห็นว่าย่าไม่พอใจที่ครูตีหลาน ลอยจึงแสร้งทำมารยาสาไถยเพราะความขี้เกียจเรียน แต่ย่าก็ไม่ได้ให้ลอยเลิกเรียน ย่าย้ายลอยไปอยู่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสมาเมือง และที่โรงเรียนนี้คือ จุดพลิกผันชีวิตจุดแรกของลอย

เด็กนักเรียนหญิงชั้นมูลคนหนึ่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ  รอบตัวเธอเด็กชายวัยเดียวกับลอย 3 คน กำลังยั่วให้เธอแย่งพวงมาลัยดอกพิกุลอยู่ หัวโจกของกลุ่มเด็กชายเกเรชื่อ ถวิล วิทยพันธุ์ (ภาณุ สุวรรณโณ) ส่วนลูกไล่อีก 2 คนชื่อ สมพงษ์ (วรพรต ชะเอม) กับ เอียด (ฉัตรมงคล บำเพ็ญ) ลอยขอร้องให้ถวิล คืนพวงมาลัยแก่เด็กหญิง แต่ถวิลไม่คืน แถมยังพูดจายียวนชวนมีเรื่อง เด็กหญิงกลัวว่าจะมีเรื่อง จึงบอกลอยว่าเธอไม่เอาพวงมาลัยแล้ว และชวนลอยไป ลอยถูกขัดขาล้มลงและถูกพวกถวิลหัวเราะเยาะ ลอยไม่ยอมให้ใครทำข้างเดียวอยู่แล้ว จึงต่อยถวิล ลูกน้องของถวิล ตะโกนดังลั่นว่าลอยต่อยลูกนายอำเภอ! เมื่อเรื่องถึงครูลอยถูกลงโทษอยู่คนเดียว เพราะพวกของถวิลเป็นพยานให้ถวิล ว่าลอยหาเรื่องและต่อยถวิลก่อน  ประกอบกับครูรู้ประวัติเกเรของลอย จากโรงเรียนเก่า ลอยจึงถูกลงโทษตี 5 ที และถูกกักอยู่ในห้องเรียนต่ออีก 1 ชั่วโมงหลังโรงเรียนเลิก ส่วนพวกถวิล ไม่โดนลงโทษเลย ลอยเจ็บใจนัก เขาคิดเลยว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนายอำเภอ และเขาเป็นเด็กชายลอย ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ หลานแม่ค้าผู้ยากจน 

เมื่อครบเวลากักตัว ลอยออกจากห้องเรียนจะกลับบ้าน และเมื่อถึงศาลาหน้าโรงเรียน ลอยชะงักเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเจ้าของพวงมาลัยดอกพิกุล นั่งรอเขาอยู่  เธอบอกว่าเธอรอกลับบ้านพร้อมลอย เพราะลอยถูกลงโทษเพราะเธอ ลอยย้ำว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนายอำเภอ เด็กหญิงขอกลับบ้านกับลอย  เธอบอกว่าเธอชื่อกำไล  และเธอจำชื่อลอยได้ตั้งแต่ตอนลอยชกกับถวิล ความเจ็บใจในความไม่ยุติธรรมของครูทำให้ลอยเกลียดโรงเรียน ลอยจึงหนีโรงเรียน แต่เพื่อไม่ให้ย่ารู้ ลอยจึงทำทีเป็นไปโรงเรียนทุกวัน แต่ไม่เข้าโรงเรียน ไปถอดชุดนักเรียนซุกไว้แล้วลงน้ำหาปลากัด วิดปลาไปตามเรื่อง กำไลไม่เห็นลอยไปโรงเรียนก็ไปดักดูที่ตรอกบ้านลอย และสะกดรอยตามไป กำไลพยายามชักชวนให้ลอยกลับไปเรียน แต่ลอยไม่ยอมไป กำไลจึงหนีโรงเรียนมาจับปลากัดกับลอยทุกวัน เด็ก 2 คน สนุกสนานกันมากตลอดเวลาเกือบเดือนที่หนีโรงเรียน  แต่ในที่สุดความก็แตก  ลอยถูกย่าตี กำไลถูกแม่ตี ลอยบอกว่าเขาจะไม่เลิกหนีโรงเรียน กำไลบอกว่าถ้าลอยยังหนีโรงเรียนเธอก็จะหนีด้วย เธอกลัวลอยไม่มีเพื่อน ลอยคิดดูแล้วบอกว่าพักนี้จะยังไม่หนีจะให้ย่าหายสงสัยก่อน

วันประกาศผลสอบไล่ซึ่งเป็นวันที่นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดจะได้รับรางวัลด้วย ครูใหญ่ประกาศว่าตั้งแต่โรงเรียนตั้งมา ปีนี้เพิ่งมีนักเรียนคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์การสอบได้เปอร์เซ็นต์อย่างมหัศจรรย์ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม 4 ชื่อ ลอย บุญลือ ครูใหญ่เชิญลอยออกไปปรากฏตัวต่อที่ประชุม ลอยออกไปอย่างงงๆ ครูใหญ่ให้นักเรียนทุกคนดูลอยไว้ แต่ย้ำว่าไม่ให้เอาเป็นตัวอย่างเพราะลอยคือ ผู้ที่สอบไล่ได้คะแนนต่ำอย่างน่ามหัศจรรย์คือ ได้ 8 เปอร์เซ็นต์! ลอยอายสุดแสนที่จะอาย แล้วครูใหญ่ประกาศต่อว่านักเรียนที่สอบไล่ได้คะแนนสูงสุดคือ เด็กหญิงสารภี นักเรียนชั้น ป.3 ได้ 97.45 เปอร์เซ็นต์ และให้สารภี ออกมารับรางวัลและยืนคู่กับลอย มันเป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่ดีที่สุดกับสิ่งที่เลวที่สุด ลอยอายจนไม่กล้าสบตากับสารภี และใครๆ เลย และในปีนั้น กำไลก็เป็นอีกคนที่สอบตก แต่ดูเธอจะไม่เดือดร้อนใจ

กำไลบอกลอยอย่างปลื้มมาก ว่าสารภีเป็นพี่สาวของเธอ และในวันแห่งความอัปยศของลอยเช่นกันที่เหตุการณ์อันจะทำให้ชีวิตเขาพลิกผันเกิดขึ้น ครูจำรัส ครูประจำชั้นของลอย บอกให้ลอย ไปที่ห้องพักของท่าน  ท่านบอกว่าแม่ของเขาคอยอยู่ที่นั่น!  แม่ของลอย เป็นหญิงกลางคนที่ดูมีราศีและฐานะดี เธอจะรับลอยไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ แต่ลอยยืนกรานไม่ไป ครูแนะนำแม่ให้ไปขอลอยกับย่าของเขา แม่ของลอยไปหาย่าที่บ้าน ย่าโกรธชนิดที่ลอยไม่เคยเห็น และไม่ยอมให้แม่เหยียบบ้าน และไล่แม่ไปอย่างไล่หมูหมา ลอยได้ยินย่าออกชื่อแม่ว่า โฉม (ปิยะดา เพ็ญจินดา) คืนนั้นย่านิ่งมาก นิ่งคิดอะไรอยู่เป็นนาน แล้วย่าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของพ่อแม่ลอยให้ลอยฟัง ลอยจึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วเขาเป็นลูกชายนายอำเภอ  ลูกพ่อเดียวกับถวิล คู่ปรับตัวร้ายของเขา แต่คนละแม่ แม่ของลอยโกรธพ่อที่ไม่รับผิดชอบเมื่อทำเธอท้อง แล้วยังไปติดพันลูกสาวคนรวย  เมื่อลอยคลอด แม่ของลอยจึงเอาลอยไปทิ้งไว้ที่โต๊ะทำงานพ่อ พ่อลอยกลัวภรรยาใหม่รู้เรื่องจึงเอาลอยมาให้ย่าเลี้ยง แล้วแม่ของลอยแต่งงานใหม่กับคนกรุงเทพฯ ไปอยู่กรุงเทพฯ จนสร้างฐานะดีพอที่จะมารับลอยกลับไปเลี้ยงเอง ลอยดูไม่สนใจที่มีพ่อเป็นถึงนายอำเภอ และแม่เป็นคนมีเงินก่อน ลอยจะเข้านอน เขาบอกย่าว่าเขาเป็นลูกจระเข้ลอยน้ำมาในคลองหน้าเมือง ลอยไม่เห็นว่าย่าของเขาน้ำตาซึมเพราะคำพูดนั้น

ลอยยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดิม การที่เขาสอบตกทำให้เขาเรียนชั้นเดียวกับสารภี  สารภีช่วยทบทวนวิชาให้ลอย ช่วยให้เขาลอกการบ้าน  จนลอยสอบผ่านไปได้ทุกปี ความสนิทสนมของลอย กับสารภี จึงเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นความรัก เมื่อทั้งคู่โตเป็นหนุ่มเป็นสาว คืนดอกนุ่นบาน ค้างคาวมีมาก เพราะมากินดอกนุ่น  ลอยไปดักยิงค้างคาวเอามาแกงกินทุกปี โดยมีกำไล เป็นลูกน้องตามไปด้วยทุกครั้ง  แต่เมื่อสารภี ห้ามลอย ลอยก็เชื่อฟัง เลิกยิงค้างคาวไปเลย ทำเอากำไล ไม่มีเรื่องสนุกเล่นในคืนดอกนุ่นบาน คืนหนึ่งที่ดอกนุ่นบานและลอยยังสนุกกับการยิงค้างคาวกับกำไล เมื่อจะกลับบ้านฝนตกลงมาอย่างหนัก ลอยพากำไลไปหลบฝนในโบสถ์ร้างซึ่งมีพระประธานเก่าและดูทรุดโทรมพอๆกับสภาพของโบสถ์ แต่ดูศักดิ์สิทธิ์ ลอยบอกกำไลว่า เขาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน  เขามั่นใจว่าเขาเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียว กำไลขอเป็นด้วย ลอยอนุญาต เขาสอนให้กำไลอธิษฐานฝากตัวเป็นลูกศิษย์  และเหมือนพระท่านจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกำไล กล่าวคำอธิษฐานจบ เสียงฟ้าลั่นครืน  ลอยบอกว่านั่นแสดงว่าพระท่านรับกำไล เป็นศิษย์ของท่านแล้ว ถึงหน้าน้ำ น้ำเอ่อท้นจากคลองหน้าเมือง ท่วมทุ่งนาเจิ่งเป็นทุ่งน้ำ หนุ่มสาวจะชวนกันพายเรือชมจันทร์และพลอดรักกัน ลอยไปรับสารภี พายเรือไปถึงคลองท่าลาดตัดบอน จับตั๊กแตนและชมจันทร์ด้วยกัน และลอยแกล้งล่มเรือ เล่นน้ำกับสารภี และบอกรักเธอ  ลอยมั่นใจว่าสารภี ก็รักเขา เขาอยากได้ยินเธอบอกรักเขาด้วย แต่สารภีบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่เธอจะบอก  ลอยจูบมือสารภี นั่นเป็นจูบแรกในชีวิตของเขาต่อหญิงคนแรกในชีวิตของเขาเช่นกัน เมื่อลอยกลับถึงบ้านด้วยความฉ่ำชื่นล้นหัวอก น้าแม้นบอกเขาว่าย่าเป็นลมตายแล้ว! ลอยร้องไห้มากที่สุด ปวดร้าวปานว่าหัวใจ จะขาด  และมาจนถึงทุกวันนี้ หากใครถามเขาว่าเขาเคยเศร้าเสียใจครั้งไหนมากที่สุด ลอยจะตอบได้ ทันทีว่าครั้งที่เขาสูญเสียย่า

วันเผาศพย่า ลอยรู้จักคนทุกคนที่มาเผา เว้นอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งแต่งชุดสากล ภูมิฐานมาก และผู้คนแสดงความนอบน้อมต่อชายผู้นี้มาก ลอยได้ยินใครคนหนึ่งเรียกเขาว่า “นายอำเภอ” และเมื่อรู้แล้วว่าชายผู้นั้นเป็นใคร ลอยก็มิได้สนใจเขามากไปกว่าศพของย่า นายอำเภอคือ คนแรกที่วางดอกไม้จันทน์เผาศพย่า และลอย วางเป็นคนสุดท้าย นายอำเภอคือ พ่อของลอย……

ลอยได้ข่าวว่าพ่อจะขายที่ดินที่เป็นที่ตั้งบ้านย่า เขาไปหาพ่อที่บ้าน แต่ไม่ยอมเข้าบ้าน และไม่ยอมเรียกว่าพ่อ พ่อพูดเหมือนระแวงว่าลอยจะมาอยู่ด้วย ลอยบอกว่าเขาไม่มารบกวนใดๆ แต่จะขอไม่ให้ขายบ้านย่า พ่อลูกต่างพูดไม่เข้าหูกันอยู่พักใหญ่ นายอำเภอยอมไม่ขายบ้านย่า ลอยมีที่อยู่แต่มีปัญหาว่าจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนหนังสือ ความรู้ในการทำขนมขายเมื่อครั้งช่วยย่าอย่างสุดแสนขี้เกียจ ถูกพลิกฟื้นมาเป็นทางหากิน สารภีและกำไล มาช่วยลอยทำขนมด้วย ลอยส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมัธยม 6 เขาบอกสารภี ว่าเขาจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เพื่อให้มีความรู้สูงๆ กลับมาสร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นหน้าเป็นตาแก่สารภี ลอยไปเรียนโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ ลอยและสารภี เขียนจดหมายรักหวานจ๋อยถึงกันเสมอ จนกระทั่งลอยเรียนจบ

ณ วันนี้ ลอย บุญลือ กลับมายังบ้านเกิดที่มีสาวที่เขารักสุดหัวใจรออยู่ ลอยไปพบสารภี ที่วัดพระมหาธาตุ  และไปคุยกับเธอต่อที่บ้าน สารภีงอนที่ลอย กลับมาแต่ไปหากำไลก่อนเธอ ลอยอธิบายให้ฟัง เขาย้ำว่าตั้งแต่ย่าตาย คนที่เขารักที่สุดคือ สารภี ส่วนกำไลนั้น รักเหมือนน้องสาว ลอยคุยกับสารภี ด้วยความคิดถึงจนดึกจึงกลับ ลอยจูบลาสารภี  กำไลแอบดูอยู่เห็นตลอด กำไลมาดักลอย แหย่ลอยตามประสาแก่นแก้วและให้ลอย อ้อนวอนตนดีๆไม่ให้บอกใครว่าลอยจูบสารภี  ลอยจำยอม กำไลพาลอยไปที่โบสถ์ร้าง พูดถึงความหลังครั้งที่ลอย ให้กำไลสมัครเป็นลูกศิษย์ของพระประธานในโบสถ์ กำไลบอกว่าเธอขอให้พระช่วยให้ลอยมีความสุขและเรียนจบ  แล้วกำไลจะถวายดอกบัว 100 ดอก แก้บน กำไลจึงพาลอยมาแก้บนด้วย ลอยประทับใจในน้ำใจของกำไล เขากราบพระร่วมกันกับกำไล ลอยให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอสารภี ผู้ใหญ่คล้อย (วันชัย เผ่าวิบูล) พ่อของสารภี ไม่สู้เต็มใจนัก เพราะลอยจน  แต่เพราะลอยเป็นนักเรียนกรุงเทพฯ ก็ดูพอจะมีหน้ามีตาบ้าง และประกอบกับสารภี รักลอย นายคล้อยจึงจำยอม  ลอยหมั้นสารภีไว้ก่อน และกำหนดอีก 2 เดือน จะแต่งงานกัน ลอยพาสารภี ไปเที่ยวท่าลาดและเจอฝนตกหนัก หลบรอฝนหายและได้เสียกันท่ามกลางสายฝน ครูสมพงษ์ ครูโรงเรียนเดียวกับสารภี แอบรักสารภีอยู่และหาทางช่วงชิงสารภี มาจากลอยตลอดเวลา แม้ว่าสารภี จะหมั้นและกำลังจะแต่งงานกับลอยอยู่แล้วก็ตาม เขาได้ยินที่กำไลปรับทุกข์กับน้าแม้น เรื่องลอย และน้าแม้น พูดจนกำไลยอมรับว่ารักลอย ครูสมพงษ์ คิดจะยืมมือกำไลทำลายความรักของสารภีกับลอย เผื่อว่ากำไลจะเห็นแก่ได้ แย่งลอยไปจากสารภีและเขาจะได้เข้าหาสารภีได้   

แต่เมื่อเขาพูดกับกำไลกลับโดนกำไลด่าซะไม่มีดี สมพงษ์โกรธกำไลมาก  เขาปล่อยข่าวเรื่องที่ลอยแอบจูบกับสารภีไปทั่วทั้งตลาด และเรื่องวกมาเข้าหูสารภี สารภีเข้าใจผิดว่าลอยเป็นคนเอาเธอไปโพนทะนา 
เธอโกรธลอย  ลอยปักใจว่ากำไลพูด เพราะเรื่องนี้นอกจากเขากับสารภีแล้ว ก็มีกำไลที่แอบเห็น  เขาโกรธกำไล และเมื่อสารภีรู้ เธอโกรธขนาดตบหน้ากำไล พ่อและแม่ก็พลอยโกรธกำไลไปด้วย

คล้อยมีธุระต้องไปบ้านกำนันและต้องอยู่ช่วยงานจนสว่าง นางผ่อง (วรารัตน์ เทพโสธร) แม่ของสารภีกับกำไล ซึ่งเป็นโรคหัวใจเจ็บออดๆ แอดๆ ตลอดเวลา กำลังเป็นไข้ สารภีและกำไลอยู่บ้านทั้ง 2 คน  แต่นายคล้อย ฝากให้สารภีเพียงคนเดียวเท่านั้นดูแลแม่ โดยไม่แยแสกำไลเลย สารภีก็กีดกันไม่ให้กำไลดูแลแม่ กำไลรู้สึกว่าการลงโทษครั้งนี้โหดร้ายนัก เพราะเธอรักแม่มาก แต่กำไลยังต้องเผชิญกับเรื่องที่โหดร้ายกว่า……

หลังจากสารภีกีดกันไม่ให้กำไลเข้าใกล้แม่ โดยบอกแม่ว่าเธอจะนอนเป็นเพื่อนแม่ที่ห้อง กำไลเศร้ามาก กลับไปห้อง ตกดึก ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตาและฟ้าคะนองมาก กำไลตื่นเพราะเสียงฟ้า เธอไปสำรวจบ้านว่าฝนจะสาด หรือรั่วตรงไหนบ้าง  ระหว่างที่เดินผ่านห้องสารภี เธอเห็นว่าหน้าต่างไม่ได้ปิดและฝนสาดเข้าห้อง กำไลจะไปปิดหน้าต่าง เดินผ่านช่วงที่หลังคารั่ว น้ำพรูลงมาใส่ตะเกียงดับ และรั่วลงเตียงนอนด้วย กำไลคลำในความมืดเพื่อย้ายที่นอนของสารภีให้พ้นน้ำ ทันใดเธอรู้สึกว่าโดนกอดและมีเสียงเรียกชื่อสารภี กำไลตัวชาไปหมด  เสียงนั้นคือ เสียง ลอย บุญลือ เขาพร่ำเรียกชื่อสารภี และพร่ำรำพันรักและกอดจูบลูบโลม กำไลตัวแข็งไปหมด  แต่เพราะความรักที่ฝังลึกในใจทำให้กำไล ไม่ขัดขืน เธอไม่คิดจะแย่งลอยมาจากสารภี ความสาวของเธอ เธอจะให้แก่ชายที่เธอรักโดยมิหวังผลตอบแทนใดๆ และจะไม่มีวันที่ใครจะรู้ นอกจากเธอคนเดียว  แต่…..คล้อย กลับมาบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง สารภีจึงกลับห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป  สารภีตัวแข็งทื่อ ลอยนอนกอดกำไลอยู่บนเตียงของเธอ! สารภีด่ากราดทั้งลอย ทั้งกำไล เธอถอดแหวนหมั้นปาใส่หน้าลอย ประกาศตัดขาดลอย ลอยจะชี้แจงอย่างไรก็ไม่ฟัง ลอยต่อว่ากำไล กำไลนิ่งอึ้งไม่เห็นหนทางจะชี้แจงใดๆ คล้อยตบกำไลกระเด็นและเตะถีบซ้ำ สารภีไปกรี๊ดเล่าให้แม่ฟัง นางผ่องเป็นลมและขาดใจตาย เพราะโรคหัวใจกำเริบ คล้อยจะยิงกำไลให้ตายตกตามแม่ไปด้วย แต่ลอยขวางไว้ ขอร้องผู้ใหญ่คล้อย ว่ากำไลถูกลงโทษมากพอแล้ว แต่คล้อยไม่ยอม จะยิงกำไลให้ได้ ลอยบอกว่าให้ยิงเขาเสียด้วยเลย  เพราะเมื่อสารภีทิ้งเขา ชีวิตเขาก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว คล้อยหาว่าลอยท้า จะยิงลอยด้วย กำไลเอาตัวเข้าขวางไว้ บอกให้ลอยหนีและให้พ่อยิงเธอ  คล้อยยิงจริงๆ แต่กระสุนไม่โดนใคร เพราะชุลมุนกัน  สารภีได้ยินเสียงปืน เข้ามาห้ามไว้ทันก่อนที่คล้อย จะยิงซ้ำ เธอบอกว่าเธอเสียแม่ไปคนหนึ่งแล้ว ไม่อยากเสียพ่อไปอยู่ในคุกอีก คล้อยไล่กำไลออกจากบ้าน และไม่ให้เหยียบกลับมาอีก  แม้แต่ศพแม่ก็ไม่ให้มาเผา 

ฝนอู้มาอีกเสียงกลองคุมศพดังก้องบอกกล่าวว่ามีการสวดศพ สารภีนั่งซึมโศกอยู่ที่ศาลา  เธอจึงไม่เห็นว่านอกเขตวัดมีร่างหนึ่งยืนอยู่กลางสายฝน มองศพที่ตั้งอยู่อย่างโหยละห้อย สำหรับกำไล เสียงกลองคุมศพสะเทือนสะท้านในอกเหมือนเสียงแช่งด่าของแม่  กำไลร้องไห้ซบลงกับผืนดินกราบศพแม่ มีมือหนึ่งแตะกำไลอย่างเมตตา มือนั้นคือ มือน้าแม้น กำไลคร่ำครวญกับแม้นว่าเธอฆ่าแม่ แต่แม้นว่าคนฆ่าแม่คือ สารภี  แม้นให้กำไลไปอยู่ด้วยที่บ้าน ศพนางผ่อง เผาวัดเดียวกับที่เคยเผาศพย่าของลอย 

สารภีขึ้นเผาศพแม่ เธอรู้สึกว่ามีคนมายืนเคียงเธอ เสียงคนที่มายืนเคียงทำให้เธอรู้ว่าเขาคือ ลอย บุญลือ ลอยเปล่งคำอธิษฐานดังอย่างจงใจจะให้สารภี ได้ยิน เขาขอให้วิญญาณของย่า และวิญญาณของนางผ่อง เป็นพยานว่าเหตุการณ์ในคืนฝนตกหนักนั้น ลอยทำไปด้วยความหลงผิด ด้วยความรักและความคิดถึงสารภีเป็นที่ตั้ง สารภีไม่สนใจแม้แต่จะมองหน้าลอย  เธอวางดอกไม้จันทน์แล้วลงจากเมรุ เธอไม่ให้อภัยเขา

ใกล้ค่ำ คนที่มาเผาศพกลับกันหมดแล้ว เหลือแต่สัปเหร่อ ซึ่งคอยเติมฟืนเชิงตะกอนให้ไฟโชน  ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมองไฟที่ลุกโชนด้วยความเศร้ารันทดเหลือแสน  ร่างนั้นคือ กำไล  เธอมารำพันความรันทดและขออโหสิกรรมแม่ กำไลยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นนานนับชั่วโมง จนกระทั่งไฟมอดหมดจึงกลับ  เมื่อมาถึงสะพานซึ่งเป็นสะพานเดียวที่จะข้ามคลอง กำไลเจอลอยนั่งเหม่ออยู่ในความมืด เธอพยายามเดินอย่างเบาที่สุดและห่างลอยที่สุด  แต่ลอย ก็เรียกเธอให้นั่งคุยกับเขา เหมือนลอยจะนั่งรอเธออยู่ ลอยพร่ำถึงอดีตอันแสนสุขเมื่อครั้งเขายังเป็นเด็กและมีกำไลเป็นคู่หู และในที่สุดลอยบอกกำไลว่าเขาขอโอกาสชดใช้ที่เขาทำกับกำไลไว้ เขาขอกำไลแต่งงาน  กำไลปฏิเสธ  ลอยพากเพียรไปหากำไลที่บ้านน้าแม้น และขอแต่งงานกับเธอทุกวัน  แต่กำไลก็ปฏิเสธทุกวัน  แม้นว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนบ้าเหมือนกำไล ที่อยากมีลูกกับผู้ชายที่ตัวเองรัก โดยไม่ยอมแต่งงานกับเขา  ยอมท้องป่องโดยไม่มีพ่อให้ลูก กำไลว่าเธอมีความสุขที่ได้เลี้ยงลูกของผู้ชายที่เธอรักนั่นก็พอแล้ว  แล้ววันหนึ่ง ลอยก็ไม่เจอกำไลอีกเลย  เธอทิ้งไว้แต่จดหมายบอกว่าเธอไม่มีวันแต่งงานกับลอยเด็ดขาด เธอจึงไปจากบ้านแม้น และจะไม่กลับมาอีก ลอยตัดสินใจจะบวช แต่เจ้าอาวาสวัดป่าขอม ให้สติจนเขาทำความเข้าใจชีวิตได้ 

กำไลไปอยู่บ้าน เมี้ยน น้องสาวของแม้น ซึ่งแต่งงานแล้วแยกไปอยู่กับสามีที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง กำไลรู้สึกเหมือนตั้งท้อง เธอตื่นเต้นมาก แต่ในที่สุดก็ไม่ท้อง สารภีรู้สึกตัวว่าท้องเธอกลุ้มใจ ครูสมพงษ์ขอแต่งงานด้วย สารภีบอกให้ไปพูดกับพ่อ เธอแล้วแต่พ่อ  ครูสมพงษ์ให้ผู้ใหญ่ไปทาบทาม  แต่คล้อย รู้ว่าลูกไม่รักครูสมพงษ์ แน่นอน  และแกรู้ว่าสารภีท้อง จึงปลอบสารภีให้แต่งงานกับลอย เพราะถึงอย่างไรลอยก็คือ คนที่สารภีรัก และคือพ่อของลูกในท้องสารภี แต่ความรักของสารภี ที่มีต่อลอยตีกลับเป็นความเกลียดเสียแล้ว แต่เธอก็จำยอมแต่งงานกับลอยตามใจพ่อ และช่วงนั้นบริษัทที่กรุงเทพฯ ตอบรับลอย เข้าทำงานพอดี คล้อยจึงขายที่นาและตามลอยกับสารภีไปอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตคู่ของลอยกับสารภี ที่กรุงเทพฯ ลุ่มๆดอนๆ เพราะสารภีฟุ้งเฟ้อ เงินเดือนลอยไม่พอให้เธอใช้ สารภีจึงต้องหางานทำด้วย  และได้งานเป็นพนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า

ถวิล วิทยพันธุ์ ยังฝังใจความสวยของสารภี อยู่มาก เมื่อรู้ว่าสารภีทำงานที่ห้างของเขา ถวิลจึงเริ่มมาติดพัน สารภีรู้จากเพื่อนว่าถวิล เป็นพ่อม่ายเมียตาย และเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของห้าง เธอจึงรับไมตรีจากเขา
ทั้งๆ ที่ยังมีลอยเป็นสามี ถวิลชวนสารภีไปอยู่ที่บ้านตนเองที่ว่างอยู่ และให้หาทางเลิกกับลอย และให้ส่งคล้อย ซึ่งแก่มากแล้วไปอยู่บ้านพักคนชราบางแค ถวิลรู้จักกับ วิชัย เจ้านายของลอย  วิชัยเป็นหนี้บุญคุณถวิลอยู่  ถวิลจึงอ้างบุญคุณให้ไล่ลอยออกจากงาน วิชัยจำต้องทำตาม  ถวิลปิดหนทางการหางานทำของลอย ทุกทาง ทำให้ลอยตกงาน  แต่ลอยไม่ย่อท้อพยายามออกหางาน จนเป็นลมหน้ามืดเพราะไม่ได้กินอาหาร  เมื่อไปหาหมอ หมอแจ้งกับสารภีว่าลอยเป็นมะเร็งที่กระเพาะ ให้สารภีพาลอยมาผ่าตัดภายในสิ้นเดือน สารภีฟุ้งเฟ้อเผลอใจไปกับถวิล  เธอมีความสุขมาก และไม่อยากมีลูก  แต่ลอยขู่ว่าถ้าทำแท้งจะแจ้งตำรวจจับ  สารภีคลอดลูกสาวเธอไม่สนใจลูกเลย ลอยรู้สึกผิดหวังมาก เพราะตนเองก็ตกงาน  เขาขอให้สารภีเลี้ยงดูลูกบ้างเพื่อต่อไปลูกจะได้รัก  ลอยบอกสารภีว่านายอำเภอและโฉมคือ พ่อแม่ที่แท้จริงของเขา แต่นายอำเภอไม่เคยสนใจเขา  เขาจึงไม่รักพ่อ เพราะฉะนั้นเขาจึงขอให้สารภี สนใจเลี้ยงลูกด้วยความรัก สารภีหัวเราะเยาะ ลอยขอร้องให้เห็นแก่ลูก ซึ่งต้องการกินนม สารภีบอกจะให้เงินซื้อนมแลกกับใบหย่า และบอกว่าลอยเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร จะอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี ลอยโกรธทำร้ายสารภี แต่เมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง ลอยจึงได้สติ ลอยว่าสารภีเลวกว่าสัตว์  ถ้าเขาไม่เห็นแก่ลูกเขาจะฆ่าสารภี สารภีเอาใบหย่ามาให้ลอยเซ็นและแถมเงินให้ 10,000 บาท ลอยตัดสินใจหย่าเพื่อลูก  เขาใช้มีดกรีดเลือดและเอาปากกาจุ่มเลือดมาเซ็นชื่อในใบหย่า สารภีดีใจมาก เธอบอกว่าเธอเพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนั้นเองว่าเธอมีความสุขมาก ที่แล้วๆ มาเธอถือว่าเธอฝันร้าย…ความรักโง่ๆ ทำให้เธอฝันร้าย

กำไลมาอธิษฐานขอพรให้ลอยที่พระประธานองค์เดิม แล้วกำไลตกใจยิ่งกว่าถูกผีหลอก เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่ด้านหลังพระประธาน แล้วลอย บุญลือ ปรากฏตัว ลอยเล่าเรื่องสารภี 

รุ่งขึ้นลอยพากำไล ไปดูที่นาที่เขาซื้อไว้ ลอยยกที่นาทั้งหมดให้กำไลและบอกว่าจะปลูกบ้านที่กำไลฝันอยากได้มาตั้งแต่เด็กให้ กำไลซาบซึ้งจนน้ำตาไหล เธอให้คำมั่นว่าจะรักษาที่นานี้ไว้ตลอดชีวิต ลอยบอกกำไลว่าเขาเป็นมะเร็งและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน กำไลตกใจแทบสิ้นสติ เธอบอกว่าชีวิตลอย มีค่าสำหรับเธอ  เธอขอให้ลอยแต่งงานกับเธอ  แม้ลอยจะมีชีวิตอยู่ได้แม้อีกเพียงวันเดียว ก็มีค่ายิ่งสำหรับเธอ ลอยกอดกำไล ร้องไห้ซาบซึ้งในความดีอันเสมอต้นเสมอปลายของเธอ ลูกของลอย หลวงพ่อที่วัดป่าขอม ตั้งชื่อให้ว่า ฬุริยา  ลอยตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า ไผ่ (คริษฐา สังสะโอภาส)

ลอยอยู่กับกำไล โดยกำไลเป็นคนทำงานหาเงินเข้าบ้าน แล้ววันหนึ่งในขณะกำไลกับลูกหลับ ลอยตัดสินใจออกจากบ้านไป เพราะทนให้กำไลเลี้ยงต่อไปไม่ได้  เขาเขียนจดหมายทิ้งไว้ขอให้กำไล เลี้ยงลูกให้ กำไลแทบจะทนอยู่ที่บ้านหลังที่เคยอยู่กับลอยไม่ได้  เธอไม่รู้จะระบายทุกข์กับใครยามเด็กน้อยถามหาพ่อ กำไลเฝ้าอธิษฐานพระประธานที่โบสถ์ร้าง ขอให้ลอยไม่ตาย  ขอให้ลอยกลับมาหาเธอและลูก  และที่รองรับทุกข์อีกแห่งของกำไลคือ ผืนแผ่นดิน กำไลได้แต่ซบหน้าร้องไห้กับแผ่นดิน  เหมือนซบหน้ากับอกแม่ แต่นี่คือ อกแม่ธรณี….อกธรณี…ที่คอยรับซับน้ำตาให้กำไล กำไลเลี้ยงไผ่ด้วยความหวังว่าสักวันลอยจะกลับมา จนไผ่โตเป็นสาวสวย  แต่เพราะมีแม่ชื่อกำไล ไผ่จึงแก่นแก้วห้าวเฮี้ยวเหมือนแม่เมื่อยังสาว  แต่ซ่อนความหวานของหญิงสาวไว้ในตัวด้วย ไผ่มีคู่หูเป็นชายรุ่นโตกว่าชื่อ ลออ (ติมมงคล หวังในธรรม) ตั้งแต่เด็กจนเป็นสาวไผ่ต้องผจญกับความโหยหาพ่อ และคำกล่าวที่ไม่ดีต่างๆ ถึงพ่อลอย ของเธอ  กำไลต้องคอยปลอบโยนและยืนยันตลอดว่าพ่อลอย ของไผ่ เป็นคนดีและไม่มีใครรักไผ่ เท่าพ่อลอย

พลตรีมหศักดิ์สุนทร (ตฤณ เศรษฐโชค) และ คุณหญิง (สุรัตนา  ข้องตระกูล ) ต่อว่า วิมาน (วรพล จินตโกศล) ลูกชายที่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กและจบเกษตรกลับมา แต่ยังทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่ยอมทำงาน  คุณหญิงต้องการให้วิมาน แต่งงานกับ โลมตา (ฉัตรดาว  สิทธิผล) สาวนักเรียนนอก ลูกสาวของถวิล วิทยพันธุ์ วิมานต่อว่าแม่อย่างขี้เล่นว่าตอนที่เขาอยู่เมืองนอก แม่บอกว่าหมั้น เกษรา ลูกสาว พลตรีเชษฐพงศ์ ไว้ให้ แล้วนี่ยังไงเปลี่ยนเป็นโลมตา แม่เล่าให้ฟังว่า พลตรีเชษฐพงศ์ขอถอนหมั้นไปเพราะพ่อของวิมาน ซึ่งเป็นอธิบดีกรมการข้าวในขณะนั้น โดนสอบเรื่องทุจริต ในที่สุดพบว่าพ่อไม่ผิด แต่พ่อก็ลาออก เพราะหมดใจกับราชการ โดยคุณหญิงไม่รู้ว่าท่านอธิบดีลาออกเพราะรู้ว่าคุณหญิงไปจุ้นจ้านกับงานในกรม และเป็นคนจัดการเรื่องรับสินบน คุณหญิงบอกว่าวิมาน ต้องแต่งงานกับลูกสาวของคนที่มีหน้าตาทัดเทียมกับพลตรีเชษฐพงศ์ ถวิลพาโลมตา มารู้จักกับวิมาน วิมานรู้สึกว่าเธอก็สวยดี แต่ออกจะสวยฉูดฉาดและแต่งตัวตามแฟชั่นไปหน่อย  คุณหญิงทั้งเซ้าซี้ทั้งบังคับวิมาน จนเขายอมหมั้นกับโลมตา ทั้งๆ ที่ยังพูดกันได้ไม่กี่คำ และต่อมาท่านก็รวบรัดจัดงานแต่งงาน  แต่เมื่อถึงวันแต่งแขกทุกคนตะลึง คุณหญิงเป็นลมแล้วเป็นลมอีก….เจ้าบ่าวหายตัว!

อีกไม่นานต่อมา พลตรีมหศักดิ์สุนทร ก็ได้รับจดหมายจากวิมาน  เขาเขียนบอกสาเหตุที่หนีพิธีแต่งงานเพราะเขาบังเอิญไปได้ยินโลมตา พูดกับเพื่อนว่าเธอแต่งงานกับเขาเพื่อเงิน  เพราะตอนนี้พ่อของเธอกำลังจะล้มละลาย  วิมานบอกพ่อว่าเขารู้สึกว่าเขาไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะรับความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำสังข์   เขาขออยู่ใช้ชีวิตอย่างคนจน อย่างไม่เป็นลูกพลตรี เพื่อจะพบผู้หญิงที่รักตัวเขาไม่ใช่รักเงินของเขา  เจ้าคุณดูตราประทับที่หน้าซองจดหมาย  ตราประทับบอกว่ามาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช วิมานไปนครศรีธรรมราช เพราะ นพ.สินสิริ (นคินธร ภาษยวรรณ์) เพื่อนสนิทเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่นั่น เมื่อนพ.สินสิริ ออกไปทำงานที่โรงพยาบาล  วิมานก็ออกไปตามสถานที่ต่างๆ และเพราะเขาเรียนจบเกษตรมา วิมานจึงมักออกไปทุ่งนา  แล้ววันหนึ่งขณะที่วิมาน กำลังนั่งปล่อยอารมณ์ชมท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดิน  เขาก็ได้เห็นนางฟ้าแสนสวยท่ามกลางแสงสีชมพู  เธอแต่งชุดชาวนาและกำลังวักน้ำในบึงล้างหน้า  และเมื่อเธอเงยขึ้น ตาสบตา วิมานแทบไม่อยากมองสิ่งใดอื่นอีกเลยนอกจากหน้าสวยหวานของเธอ วิมานชอบเธอทันทีที่เห็นและผูกมิตรกับเธอ แต่ “นางฟ้า”  ของเขาไม่ใช่ย่อย  เขาตอแยเธอ เธอก็ตอแยกลับทันกัน วิมานยิ่งชอบเธอมากขึ้น ก่อนแยกจากกัน เธอบอกเขาว่าเธอชื่อฬุริยา ชื่อเล่นว่าไผ่  วิมานคิดถึงเธออย่างฝังใจจนสินสิริ เหน็บว่าเพิ่งรู้ว่าพลตรีมหศักดิ์ฯ ชื่อเล่นว่าไผ่  เพราะวิมาน เขียนชื่อไผ่เต็มหน้ากระดาษเขียนจดหมายที่เขาบอกว่าจะเขียนถึงพ่อ แล้วต่อมาสินสิริ เลยต้องรับปรึกษาโรคไข้ใจของเพื่อนอีกด้วย

จากวันที่พบไผ่ วิมานไปรอที่เดิมทุกวันเพื่อจะได้พบเธออีก แต่ก็ไม่พบเลย  จนวันหนึ่งชาวนามาลงแขกเกี่ยวข้าว  วิมานสนใจการเกี่ยวข้าวตามแบบชาวใต้ เขาไปคุยกับหญิงชาวนาคนหนึ่ง เลยถามหาไผ่กับหญิงนั้นด้วย โดยไม่รู้ว่านั่นคือ กำไล บุญลือ แม่ของไผ่ กำไลรู้สึกทันทีว่าผู้ชายคนนี้คงไม่มาถามหาตามปกติแน่ นี่เป็นสัญญาณให้เธอต้องปกป้องลูกสาวเสียแล้ว วิมานตอบข้อซักถามของกำไล ว่าเขายากจน อาศัยพระอยู่ที่วัดป่าขอม

วันรุ่งขึ้น พระที่วัดป่าขอม ดั้นด้นลุยโคลนมาบิณฑบาตที่บ้านนานอกอันแสนไกลของกำไล ทำเอากำไลหาของใส่บาตรแทบไม่ทัน เธอให้ไผ่ไปใส่บาตร  ลูกศิษย์ที่โผล่หน้าทะเล้นมาทักทายไผ่ เป็นลูกศิษย์โค่ง  เขาบอกว่าชื่อ ธง ไผ่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็น แต่วันที่เธอเห็น เขาแต่งตัวดีมาก  มาวันนี้ใส่เสื้อผ้าขาดจนปะ ธงหรือวิมาน บอกไผ่ว่าวันนี้เขาบาปที่โกหกพระว่าบ้านเธอนิมนต์รับบิณฑบาต ขอให้ไผ่ช่วยไถ่บาปให้ แล้วเลยมัดมือชกบอกว่าพระจะมาบิณฑบาตที่บ้านนี้ทุกวัน และบอกให้ไผ่คิดถึงธงด้วย ไผ่รู้สึกว่าจิตใจเธอหวั่นไหวมาก ที่บ้านนานอกมีนักเลงหัวไม้ชื่อ เย็น (ศรุฒ  สุวรรณภักดี) มาชอบไผ่ และคอยตามลวนลามหนักข้อขึ้นทุกที  จนวันหนึ่งวิมาน มาเจอและช่วยไผ่ จนเกิดชกต่อยกับเย็นและลูกน้องนักเลง พวกของเย็นแตกกระเจิงไป ไผ่ซึ่งเคยเก๊กกับวิมานก็ค่อยหายเก๊กและญาติดีกับเขา สัมพันธภาพของไผ่กับธง งอกงามขึ้นเป็นความรัก และกระชับแน่นขึ้นตามวันเวลา  วิมานบอกรักไผ่และขอให้ไผ่รับรัก ไผ่บอกว่าสักวันจะบอกว่าจะรับหรือไม่รับ จนถึงวันที่ธงนัดพบกับเธอ เธอคิดว่าจะบอกไผ่ไปตามนัดด้วยความสุขเต็มหัวใจที่จะรับรักเขา  แต่ธงไม่มาตามนัด  ไผ่เสียใจมาก รุ่งเช้าหลวงน้าที่มาบิณฑบาตบอกไผ่ว่าธงถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ไผ่ขอกำไลไปเยี่ยม กำไลไปด้วย นพ.สินสิริ เห็นไผ่แล้วรู้ทันทีว่านี่คือ หญิงที่วิมานรักและเธอรักวิมานจริง การที่เธอเรียกวิมานว่าธงซึ่งเป็นชื่อที่วิมาน ใช้ปลอมเป็

แกลลอรีGallery อกธรณี