โดนหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 คน เหิมล็อกคอ-แย่งปืน ตร. ดำเนินคดี 5 ข้อหาหนัก นำตัวส่งฟ้องศาล-ค้านประกัน ตม.6 เพิกถอนวีซา ร้านให้เช่ารถโดนดำเนินคดีด้วย ด้าน ผู้ว่าฯภูเก็ตลั่นยอมรับไม่ได้ต่างชาติทำร้ายคนไทย
ความคืบหน้ากรณี 2 นักท่องเที่ยวต่างชาติชาวนิวซีแลนด์คือ MR.HAMISH DAY อายุ 36 ปี และ MR.OSCAR MATTSON DAY อายุ 38 ปี ทำร้ายร่างกาย พร้อมแย่งอาวุธปืนของ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผู้บังคับหมู่จราจร สถานีตำรวจภูธรฉลอง ทำให้อาวุธปืนลั่น แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดวันนี้ (18 มี.ค. 67) นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวว่า หลังจากสามารถควบคุมตัวนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดี ตั้งข้อกล่าวหาใน 5 ฐานความผิด ได้แก่ 1 ร่วมกันชิงทรัพย์ 2 ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ 3 ร่วมทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ 4 ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ และ 5 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ และจะดำเนินคดีร้านให้เช่ารถจักรยานยนต์ด้วย
หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน ยังให้การปฎิเสธ และขณะนี้ทั้ง 2 คน ถูกฝากขังอยู่ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต นอกจากนั้นทางพนักงานสอบสวน ยังได้ดำเนินการประสานไปยังกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 ภูเก็ต เพื่อขอถอนวีซา นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน รวมทั้งคัดค้านการประกันตัว
ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าวว่า รมว.มหาดไทย และ ผบ.ตร. ได้สั่งการลงมายัง จ.ภูเก็ต เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของชาวต่างชาติ จนกระทั่งเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้สั่งกำชับเพิ่มเติมอีก โดยให้มีการตรวจสอบ และกวดขันนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือที่กระทำผิดกฎหมาย โดยให้มีการดำเนินการอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต เสียหาย รวมทั้งทำให้ชาวภูเก็ตและคนไทยที่มาท่องเที่ยวยัง จ.ภูเก็ต มีความปลอดภัย ซึ่งตนยอมไม่ได้ที่มีชาวต่างชาติจะมาทำร้ายประชาชน หรือเจ้าหน้าที่
"การเพิกถอนวีซา กรณีนี้เป็นความผิดร้ายแรงสามารถเพิกถอนได้ทันที แต่กรณีที่พฤติกรรมความผิดยังไม่ถึง หรือเข้าข่ายและเงื่อนไขในการเพิกถอนวีซาต้องเสนอพิจารณาตามขั้นตอน" ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าว
