สนามข่าว 7 สี - "ภรรยานายศรีสุวรรณ" เข้าพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในฐานะผู้ให้การสนับสนุน คดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ซึ่งข้อมูลตามการสืบสวน เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการรับเงิน 500,000 บาท และ 100,000 บาท ที่ผู้เสียหายโอนให้กับแก๊งตบทรัพย์ ช่วงก่อนปีใหม่
ประโยคนี้มีที่มาจากตอนที่ผู้สื่ออยากทราบว่า ในวงกระทำความผิดอื่น ๆ คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เลยถามว่า "แก๊งนี้มีความเชื่อมโยงไปถึงนักร้องคนอื่น ๆ ไหม แล้วบุคคลที่มีความเชื่อมโยง เป็นบุคคลที่พอจะมีชื่อเสียงหรือไม่" แล้ว "รองเต่าฯ" พูดประโยคแบบเป็นนัย ชวนให้คิดเหมือนกันว่า จะมี "คนดี" คนไหนอีกบ้าง ที่เข้าข่ายต้องถูกเรียกตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
ซึ่งก่อนที่ "รองเต่าฯ" จะมาตอบคำถามนี้ นางณพัชญ์ปภา อายุ 43 ปี "ภรรยาของนายศรีสุวรรณ" ที่ตำรวจสืบสวนไปพบข้อมูลว่า เข้าข่ายความผิดฐานให้การสนับสนุนตัวการหลัก ซึ่งก็คือ "นายศรีสุรรณ" ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตอนประมาณ 13.30 น. ทันทีที่มาถึงสื่อมวลชนก็พยายามเข้าไปสอบถามประเด็นต่าง ๆ แต่ภรรยาของนายศรีสุวรรณ ไม่ขอตอบ บอกจะขอเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อน
จากนั้น พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ "รองเต่าฯ" ถึงได้มาให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าคดี ว่า ข้อมูลทางการสืบสวนเชื่อได้ว่า "ภรรยาของนายศรีสุวรรณ" มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการรับเงิน 500,000 บาท และมีความเชื่อมโยงไปถึงเงิน 100,000 บาท
ซึ่งเป็นเงินชุดแรกที่ผู้เสียหายโอนให้กับ "แก๊งตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว" ช่วงก่อนปีใหม่ ส่วนบัญชีม้าที่สอบปากคำไปก่อนหน้านี้ ตำรวจได้รวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะกันตัวไว้เป็นพยาน หรือดำเนินคดีในฐานะผู้ต้องหา
สำหรับวันนี้ที่นัดหมายให้ นายศรีสุวรรณ มายื่นเอกสารแก้ต่างข้อกล่าวหา สามารถให้ทนายความเข้ามายื่นเรื่องแทนได้ และยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ พนักงานสอบสวนยังสามารถติดต่อกับทนายความของนายศรีสุวรรณได้อยู่
ส่วนที่ได้พูดคุยกับ นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว ที่เข้ามาพบพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จากการพูดคุยและดูหลักฐานทางแช็ตไลน์ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคดีตบทรัพย์
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการติดตามอายัดทรัพย์ในคดีนี้ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่า ปปง. ได้รับการรายงานข้อมูลทรัพย์สินที่เข้าข่ายต้องสงสัย มาจาก บก.ปปป. แล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบความผิดมูลฐานให้ชัดเจนก่อน หลังจากนั้น จะเริ่มตรวจสอบในเชิงลึก เรื่องการพิสูจน์ทรัพย์สินว่าได้มาจากกระทำความผิดหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
