สภาทนายความฯ เผย ศาลกำแพงเพชร จำคุก 9 ปี 36 เดือน ทนายไก่หมุน ปลอมใบอนุญาตว่าความ

View icon 189
วันที่ 9 ม.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สภาทนายความฯ เผย ศาลกำแพงเพชร จำคุก 9 ปี 36 เดือน ทนายไก่หมุน ปลอมใบอนุญาตว่าความ ลั่น เอาเรื่องให้ถึงที่สุด พร้อมช่วยคนถูกทนายปลอมหลอกฟรี แนะประชาชนเช็กก่อนตั้งใครเป็นทนายความ

วันนี้ (9 ม.ค.67) ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมแถลงข่าวกรณีที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร มีคำพิพากษาถึงที่สุดทนายไก่หมุน ปลอมใบอนุญาตเป็นทนายความ เข้าทำหน้าที่ต่อสู้คดีในศาลหลายคดี โดยศาลลงโทษจำคุก 9 ปี 36 เดือน

นายวิเชียร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีชายคนหนึ่งไม่ได้เป็นทนายความ แต่ไปทำหน้าที่ในศาลโดยการปลอมใบอนุญาต เพื่อเข้าไปว่าความที่ศาลต่อสู้กับพนักงานอัยการ ภายหลังการตรวจสอบแล้วพบเป็นทนายความปลอม ตนจึงมอบหมายนายชัยวัฒน์ บุญเกื้อ นายทะเบียนสภาทนายความและเป็นกรรมการสภาทนายความ แจ้งความร้องทุกข์ กระทั่งพนักงานอัยการจังหวัดกําแพงเพชรสั่งฟ้องนายพรเทพ หรือทนายไก่หมุน และศาลจังหวัดกําแพงเพชรมีคําพิพากษา ลงโทษจําคุกนายพรเทพ 9 ปี 36เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง

นายกสภาทนายความฯ กล่าวต่อว่า นี้คือบทพิสูจน์ว่าสภาทนายความเอาจริงเอาจังเรื่องที่มีบุคคลมาแอบอ้างเป็นทนายความ เราต้องดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ตอนนี้ทราบว่ามีคนแอบอ้างเป็นทนายความปลอมอยู่เรื่อยๆ ตนจึงมีนโยบายกรณีที่ประชาชนถูกบุคคลอื่นซึ่งไม่ได้เป็นทนายหลอกลวงให้เสียหาย ทางสภาทนายความยินดีช่วยเหลือทางคดี เอาผิดกับคนที่แอบอ้าง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อีกประการหนึ่งก็คือประชาชนก่อนจะมอบหมายหรือแต่งตั้งใครเป็นทนายความ ให้ตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่สภาทนายความเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วอาจถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้

นอกจากนี้ ขณะนี้มีการปลอมไลน์หรือเพจของสภาทนายความฯ และของตน เพื่อเรียกร้องเงินวิ่งเต้นช่วยคดี ตนขอย้ำว่า สภาทนายความฯ ไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินประชาชนที่มาขอคําปรึกษา หรือเรียกร้องค่าคดีในการแก้ต่างให้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังเกิดเหตุทนายไก่หมุน ทางสภาทนายความฯ ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง นายวิเชียร กล่าวว่า เราพัฒนาการตรวจสอบสถานะการเป็นทนาย โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนเข้าไปพบกับประธานศาลฎีกา เพื่อหารือนโยบายที่จะทำต่อเนื่องกันจากท่านประธานศาลฎีกาคนก่อน โดยได้นําเรียนว่าจําเป็นต้องมีการเชื่อมข้อมูลให้ทางศาลเข้าถึงสถานะการเป็นทนายความว่าคนที่ไปทําหน้าที่ในศาลเป็นทนายความจริงหรือไม่ ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างดําเนินการ และและพัฒนาระบบให้เป็นแบบออนไลน์ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง