เทียบชัด ๆ ของขวัญปีใหม่ ลุงนิด vs ลุงตู่

View icon 224
วันที่ 20 ธ.ค. 2566
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เศรษฐา เตรียมคลอดของขวัญรับปีใหม่ 2567 ตรึงราคาค่าไฟฟ้าและน้ำมันแบบปัง ๆ แต่จะปังเท่ายุคที่มี ลุงตู่ เป็นนายกฯ หรือไม่ ไปดูกัน แต่บอกเลยว่างานนี้มีบิกเซอร์ไพร์ด้วย

เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา พวกเราชาวไทยได้รับของขวัญจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากให้เทียบกับในยุคของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน แล้วนั่น จะเห็นว่าของขวัญบางชิ้นมีความคล้ายคลึงกัน ที่เห็นได้ชัดเลยคือ

เรื่องของค่าไฟฟ้า ที่ยุคของลุงตู่ขอตรึงอัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย ไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ขณะที่ยุคของ นายเศรษฐา บอกว่า สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย สามารถตรึงราคาไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วยได้ แต่สำหรับกลุ่มทั่วไป จำเป็นต้องขอปรับขึ้นไม่เกิน 4.20 บาท/หน่วย เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้ โดยราคาที่แน่ชัด จะขอบอกภายในวันที่ 1 มกราคม 2567

และเรื่องของราคาน้ำมัน ที่ยุคลุงตู่ ได้ตรึงราคาน้ำมันทุกชนิด นาน 10 วัน ช่วงวันที่ 24 ธันวาคม 2565 - 3 มกราคม 2566 และ LPG อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลตลอดเดือนมกราคม 2566 ขณะที่ ยุคนายเศรษฐา มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร นาน 3 เดือน ส่วน LPG ตรึงไว้ที่ 423 บาทต่อถึง 15 กิโลกรัม

เรียกว่าตีคู่ได้ค่อนข้างสูสี สลับกันแพ้-ชนะ เพราะราคาค่าไฟ นายกฯ เศรษฐา ถูกกว่า 0.52-0.73 บาท/หน่วย แต่ LPG แพงกว่า 15 บาท

แต่ในปีนี้ เหมือนจะมีความพิเศษอยู่ เพราะมีของขวัญที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนรอคอยมานานหลายปี โดย นายเศรษฐา บอกว่า จะนำของขวัญกล่องนี้เข้าเสนอรัฐสภา ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ หลังจากมีการแก้ไขกันไปหลายครั้ง นั่นก็คือ กฎหมายการสมรสเท่าเทียม

โดยกฎหมายฉบับนี้ จะให้สิทธิหมั้นและสมรสกันได้ตามประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิชย์ มีสิทธิหน้าที่และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชาย-หญิง สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ มีสิทธิเท่าเทียมทุกอย่างเหมือนคู่สมรสชาย-หญิง อาจจะได้ยินข่าวดีในเร็ว ๆ นี้

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้เสนอของขวัญ 4 เรื่อง ให้กับสำนักเลขาของ ครม. เรียบร้อยแล้ว จะมีเรื่องอะไรบ้าง มาดูกัน

เรื่องที่ 1 ให้โรงรับจำนำปรับดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ ให้ฟรีดอกเบี้ยกับผู้ที่จำนำไม่เกิน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน คือ มกราคม - กุมภาพันธ์ ปีหน้า

เรื่องที่ 2 การปรับสภาพพื้นที่ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัยและผู้พิการ ซึ่งตั้งงบประมาณอยู่ที่ 100,000 บาทต่อหลังคาเรือน เชื่อว่าจะทำให้ผู้สูงวัยและผู้พิการมีที่อยู่อาศัยที่ตอบรับกับความต้องการของตนเอง

เรื่องที่ 3 โครงการบริบาลและคุ้มครองผู้สูงอายุ ที่จะทำเป็นโครงการนำร่องทั้งหมด ใน 17 พื้นที่ 12 จังหวัด โดยจะจ้างและฝึกผู้ที่จะดูแลผู้สูงอายุ และเป็นการจ้างงานคนในพื้นที่

สุดท้าย คือ การสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน เช่น การเตรียมความพร้อมฝึกกลุ่มงานฝีมือ มีเงินกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพของกลุ่มแรงงาน กลุ่มผู้พิการ เป็นต้น