ผบ.ทร. ขออานุภาพ “เสด็จเตี่ย” ช่วยดลบันดาลให้ปมจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” จบด้วยดี ส่วนกู้ “เรือหลวงสุโขทัย” คาดเริ่มดำเนินการต้นปีหน้า
วันนี้ (20พ.ย.66) พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องเรือดำน้ำว่า เรือดำน้ำต้องมี เพราะมิติใต้น้ำยังบกพร่อง เป็นอาวุธทางยุทธศาสต์ แต่พูดออกสื่อลำบาก ต้องกราบขอโทษประชาชน ที่กองทัพเรือไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เพราะเพิ่งจะขออนุญาตจากจีน และ จีนยอมให้เปิดเผยรายละเอียดที่จำเป็นได้ จึงขอชี้แจงดังนี้
ร่างขอบเขตของงาน (TOR) ในปี 2558 ที่ลงนามกันขณะนั้น จีนยังคงได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตเครื่องยนต์จากเยอรมนี ทั้งการใช้งาน และ ส่งออก จึงเซ็นสัญญากัน จากนั้นติดต่อกันตลอดจนถึง 2564 จีนมีหนังสือแจ้งชัดเจนแล้วว่า ไม่น่าจะได้เครื่องยนต์จากเยอรมนีแล้ว จีนจึงหาทางออกด้วยการเสนอเครื่องยนต์ CHD 620 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่จีนเคยผลิตให้เยอรมนี กรมอู่ทหารเรือ จึงยกทีมไปตรวจสอบเครื่องยนต์ เป็นเวลา 200 ชม. และ ได้ข้อสรุปว่า น่าจะใช้ทดแทนได้ จึงแจ้งต่อ ผบ.ทร. ในสมัยที่ผ่านมา เพื่อแจ้งต่อกระทรวงกลาโหมว่า ขอเปลี่ยนเครื่องยนต์
เมื่อมีรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม ไปพูดคุยกับทั้งเยอรมนี และ จีนแล้ว คำตอบยังเหมือนเดิม จึงเป็นที่มาว่าจะทำอย่างไร หากเรือดำน้ำถึงทางตัน เมื่องบประมาณเป็นของกองทัพเรือ จึงขอซื้ออาวุธให้กองทัพเรือ ซึ่งเรือที่น่าจะเหมาะสมที่สุด คือ เรือผิวน้ำ ซึ่งขณะนี้ กระทรวงกลาโหม ทำหนังสือถือกรมพระธรรมนูญ ว่า หากจะแก้สัญญา ใครเป็นผู้อนุมัติ และ มีขั้นตอนอย่างไร อีกทั้ง กองทัพเรือ ทำหนังสือถามอัยการสูงสุด 3 ประเด็น ว่า การปรับแก้เครื่องยนต์เป็นสาระสำคัญหรือไม่ การเปลี่ยนเรือดำน้ำมีขั้นตอนอย่างไร และ ถ้าจะอนุมัติให้แก้ไขเครื่องยนต์อยู่ในอำนาจของใคร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน เมื่อได้คำตอบแล้ว จึงจะพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
“ขออานุภาพเสด็จเตี่ย ช่วยดลบันดาลให้เรือดำน้ำลำนี้จบด้วยดีแล้วกัน” พล.ร.อ.อะดุง กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2565 พล.ร.อ.อะดุง ระบุว่า หากเป็นไปตามไทม์ไลน์คาดว่า จะเสนอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอนุมัติในช่วงเดือนธันวาคมนี้ และ จะได้เริ่มกระบวนการกู้เรือต่อไป
“หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ก็ขอให้เรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาในช่วงต้นปีหน้า เดือนมีนาคม-เมษายน 2567” พล.ร.อ.อะดุง กล่าว
