ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ตัดสิทธิ ช่อ พรรณิการ์ ตลอดชีวิต

View icon 38
วันที่ 21 ก.ย. 2566
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ก้าวไกล-ก้าวหน้า งานเข้ารัว ๆ ล่าสุด ช่อ พรรณิการ์ ถูกศาลฎีกาฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง ตัดสิทธิการเมืองตลอดชีพ เจี๊ยบ อมรัตน์ เจอกระแสคุกคามเอฟซีเพื่อไทย หมออ๋อง เจอดรามาดูงานสิงคโปร์ ทำให้ต้องออกมาแจงแบบละเอียดยิบ

ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ตัดสิทธิ ช่อ พรรณิการ์ ตลอดชีวิต
เริ่มกันที่ประเด็นแรกที่ทำให้ #ช่อพรรณิการ์ ติดเทรนด์อันดับหนึ่งในสื่อโซเชียล X ทันทีที่ศาลฎีกา มีคำพิพากษาว่า นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันคือโฆษกคณะก้าวหน้า มีความผิดฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ให้ถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคำพิพากษานี้หลายคนมองว่าเปรียบเสมือนการประหารชีวิตทางการเมือง

คดีนี้สืบเนื่องมาจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ นางสาวพรรณิการ์ กรณีโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทั่งมีคำพิพากษาดังกล่าวออกมา ซึ่งภาพที่นำมาสู่การตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตครั้งนี้ คือภาพเก่าสมัย นางสาวพรรณิการ์ เรียนจบมหาวิทยาลัยหมาด ๆ เป็นการถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ๆ ในชุดครุย จากกรณีนี้ได้ทำให้กระแสที่มองว่า ไม่ควรมีใครถูกตัดสิทธิทางการเมืองไม่ว่ากรณีใด กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง สอดคล้องกับที่ นางสาวเบญจา แสงจันทร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แสดงความเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า ถึงเวลาที่สังคมควรตั้งคำถาม ไม่ว่าจะอยู่ฝักฝ่ายใดคิดเห็นแบบใดก็ไม่ควรยินดีกับกรณี #ช่อพรรณิการ์ ควรช่วยกันชี้ให้เห็นถึงความเลวร้ายของ รัฐธรรมนูญ 60 ที่กำหนดกรอบศีลธรรมตัดสินความผิดฐานจริยธรรม โทษทางอาญาควรว่ากันไปตามกฎหมาย แต่การตัดสิทธิทางการเมืองคือการทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรงที่สุด

ต่อมาประมาณ 20.00 น. เมื่อวาน นางสาวพรรณิการ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ขอบคุณทุกกำลังใจ และความเป็นห่วงจากทุกช่องทาง จากนั้นจึงชี้แจงว่า คำพิพากษาศาล เป็นการตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง และรับตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่สำหรับงานการเมืองที่ทำอยู่ตอนนี้ ไม่มีใครมาพรากสิทธิไปจากช่อได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เราเดินทางมาไกลขนาดนี้ จะไม่หยุดเดินกลางคันจนกว่าจะถึงเส้นชัย ตัวเราอยู่ตรงไหน ตำแหน่งใด ไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือประเทศไปได้ไกลแค่ไหนต่างหาก

ปารีณา ไม่เห็นด้วย ช่อ ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต
ด้านนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ว่า ถึงจะหนำใจแต่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิ์ ช่อ ครั้งนี้ เพราะกฎหมายจริยธรรมไม่เป็นสากล ไม่มีที่ไหนในโลกเขาไปแจ้งดำเนินคดีจริยธรรม เพราะถ้านักการเมืองทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย หาก ช่อ ทำผิดกฎหมายจริง ควรเอาไปปรับหรือติดคุก ไม่ใช่ตัดสิทธิ์ด้วยจริยธรรม

เจี๊ยบ อมรัตน์ ขอโทษโต้คุกคามเอฟซีเพื่อไทย
ดรามาเรื่องต่อไป เรื่องนี้ถึงกับทำให้อดีตตัวตึงในสภา อย่าง นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ปรึกษา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ต้องออกมาขอโทษที่ทำให้สังคมออนไลน์ TOXIC เนื่องจากก่อนหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะที่ถูกมองว่าเป็นการแขวนข้อมูลส่วนตัวของหญิงสาวคู่กรณีที่ชื่อ "ปีใหม่" แฟนคลับของพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังบุกไปถึงโรงงานทอผ้าส่งออก ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของอีกฝ่าย นางอมรัตน์ ชี้แจงว่า กรณีนี้หากมีผลทางสังคม หรือทางกฎหมาย ก็ยินดีน้อมรับ แต่ส่วนตัวก็พร้อมดำเนินการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการตอบโต้สิ่งที่ตนเองถูกกระทำมาอย่างยาวนาน เพราะคู่กรณีชอบปั่นกระแสสร้างข่าวเท็จในโลกโซเชียล โดยใช้การโจมตี ใส่ร้ายบุคคลอื่น และที่ทนไม่ได้ คือ นำรูปภาพของตนเองไปตัดต่อกับภาพกำนันนก ขณะที่ ปีใหม่ หญิงคู่กรณี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีการติดแท็กไปหาแกนนำพรรคก้าวไกล และผู้มีตำแหน่งทางการเมืองหลายคน เพื่อขอความเป็นธรรม และขอความคุ้มครอง ระบุว่า สิ่งที่ นางอมรัตน์ ทำเป็นการข่มขู่คุกคาม มีการเผยแพร่ทะเบียนราษฎร์ ชี้เป้า สีประตูรั้วบ้าน สีรถ ไปที่ทำงาน โทรคุกคามที่ทำงาน เหยียดอาชีพ เหยียดที่พักอาศัย จนตนรู้สึกราวกับว่าข้อมูลทะเบียนราษฎร์ถูกส่งต่อ

ดรามานี้กระทบต่อไปถึง นายปดิพัทธ์ ด้วย เพราะ นางอมรัตน์ เป็นทีมที่ปรึกษา นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จากการติดตามในหน้าข่าว และดูข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่าเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมจริง ในส่วนของพรรคก้าวไกลเชื่อว่าจะมีการพิจารณาประเด็นนี้ ส่วนทางทีมงานรองประธานสภา จะต้องพูดคุยกับ นางอมรัตน์ ซึ่งหน้าเสียก่อน จำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงจากทางผู้ร้องเรียน และจากผู้ถูกกล่าวหา แต่หากมีการทำความผิดจริง พร้อมให้ นางอมรรัตน์ ออกจากที่ปรึกษารองประธานสภาฯ

ปดิพัทธ์ แจงยิบ บินสิงคโปร์ไม่ได้ไปเที่ยว
สำหรับดรามาส่วนตัวของ นายปดิพัทธ์ คือเรื่องการไปดูงานสิงคโปร์ เมื่อวานมีการชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง ระบุว่า งบ 1,300,000 บาท เป็นการตั้งงบตามสิทธิที่ระเบียบกำหนด ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายจริง ค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น คือ ค่าตั๋วเครื่องบิน จากที่ตั้งงบไว้ 52,000 บาท จ่ายจริง 28,000 บาท ค่าโรงแรมจากที่ตั้งไว้ 12,000 บาท จองได้ 9,000 บาท ที่เหลือจะส่งคืนคลัง ส่วนรายชื่อว่ามีใครไปบ้างมีการชี้แจงอย่างชัดเจน ยืนยันว่าไม่ได้ไปเที่ยว เพราะสิงคโปร์ไม่ใช่ทัวรีสต์ เดสติเนชั่น คำนึงถึงผลลัพธ์ที่มีผลสัมฤทธิ์ และหลังจากกลับมาจะนำรายงานเสนอรัฐบาล ภาคประชาชน และสภา