ใกล้นับหนึ่ง ครม. เศรษฐา พรรคเป็นธรรม ตั้งฉายารัฐบาลยูเทิร์น

แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เคลื่อนไป 1 วัน จากไทม์ไลน์ที่นายกฯ เศรษฐา เคยพูดไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรายชื่อ ครม. ชุดใหม่ น่าจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) ก็ขยับมาเป็นวันนี้แทน เป็นสัญญาณใกล้ปิดฉากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แล้ว เพราะทันทีที่ ครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ รัฐบาลรักษาการในปัจจุบันก็ต้องพ้นตำแหน่งไปทั้งคณะ

นับจากวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม จนถึงวันที่มีการนำชื่อ ครม.ชุดใหม่ ของรัฐบาลเศรษฐา 1 ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย วันนี้ รวมเบ็ดเสร็จ 3 เดือน 19 วัน จึงได้เวลาเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มาเป็นรัฐบาลเศรษฐา ซึ่งก็ต้องถือว่ากินเวลามากกว่าในการจัดตั้งรัฐบาลปี 2562 ไปมาก

ส่วนเรื่องคุณสมบัติบรรดาว่าที่รัฐมนตรี ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าผิดฝา ผิดตัว หลายคนไม่มีความเหมาะสม และอาจเข้าข่ายมีคุณสมบัติต้องห้ามด้วย โดยเฉพาะ นายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ก็ไม่ผ่านฉลุย เจ้าตัวใส่เกียร์ถอย ประกาศถอนตัวจากการเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ให้เหตุผลว่า แม้จะไม่ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม แต่เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว จึงขอไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในครั้งนี้

เป็นเหตุผลที่ทำให้ นายกฯ เศรษฐา ถอนชื่อนายพิชิต ออกจากตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยยังไม่มีชื่อใครมาแทน

สำหรับไทม์ไลน์การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลเศรษฐา 1 ไล่ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยสลัดก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน นายกฯ เศรษฐา ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคม ใช้เวลาจัดสรรโควตารัฐมนตรีอยู่ 7 วัน ก็นำส่งรายชื่อให้ สลค. ตรวจสอบในวันที่ 29 สิงหาคม ก่อนที่จะมีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) หลังจากนี้ก็ต้องรอให้ ครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ก่อน โดยมีการกำหนดคร่าว ๆ ไว้ว่า การแถลงนโยบายต่อรัฐบาลน่าจะเกิดขึ้นได้ในวันที่ 8 กันยายน และประชุม ครม. ในวันที่ 12 กันยายน

ขณะที่นายกฯ เศรษฐา มีคำแนะนำไปถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า หลังอำลาจากตำแหน่งขอให้รักษาสุขภาพและเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ส่วนเรื่องบ้านเมืองไม่ต้องห่วง รับไม้ต่อเดินหน้าเต็มที่ 

ขณะที่ พรรคเป็นธรรมโพสต์ตั้งฉายารัฐบาลเศรษฐาว่า เป็นรัฐบาลยูเทิร์น ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะรัฐบาลนี้ยูเทิร์น ประเทศกลับไปสู่จุดเดิม ๆ คนเดิม ๆ พฤติกรรมเดิม ๆ ผลการเลือกตั้งสะท้อนความต้องการของประชาชน แต่ผลการจัดตั้งรัฐบาลสะท้อนความต้องการของนักการเมือง ประชาชนเปลี่ยนแล้ว แต่การเมืองยังไม่เปลี่ยน

มาขยายกันหน่อยว่า ที่พรรคเป็นธรรมบอกไม่เปลี่ยน ใน ครม.เศรษฐา มีคนในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อยู่กี่คน นับไปนับมาจะมีทั้งหมด 8 คน ด้วยกัน เริ่มจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นเลขาฯ คู่ใจ นายกฯ ประยุทธ์ และกำลังจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลเศรษฐา

ส่วนคนนี้ได้เป็นรัฐมนตรีต่อเนื่อง คือ นายอนุชา นาคาศัย เตรียมโยกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทั้งนายพีระพันธุ์และนายอนุชา เป็นโควตาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ

ส่วนพลังประชารัฐ มีรัฐมนตรีคาบเกี่ยวสองรัฐบาลอยู่ 2 คน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ก่อนถูก พลเอก ประยุทธ์ สั่งปลดฟ้าผ่า มาวันนี้ได้ดีอีกครั้ง กำลังจะขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในรัฐบาลเศรษฐา

ต่อกันที่ 2 นักการเมืองรุ่นใหญ่ เรดาห์ดีอยู่กับผู้ชนะมาโดยตลอด อย่าง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ตกขบวนอำนาจ คนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อีกคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ส่วนรัฐบาลหน้า นายสมศักดิ์ แต่งตัวรอเป็นรองนายกฯ ขณะที่ นายสุริยะ กำลังจะได้กลับไปสู่เก้าอี้ที่คุ้นเคย คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

รัฐมนตรีหน้าเดิมใน ครม.ใหม่ 2 คนสุดท้ายจาก 2 พรรค คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะโยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ส่วน นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งหมด คือ 8 รัฐมนตรี คนคุ้นเคยในรัฐบาลประยุทธ์ ที่กำลังจะไปร่วม ครม.กับนายกฯ เศรษฐา ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง