เช้าข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่เรียกสอบสวนเหตุการณ์เรือสปีดโบต 3 ลำ ซิ่งฝ่าคลื่นสูงกลางทะเล จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์โลกโซเชียลมีเดียแล้ว
ย้อนดูคลิปนี้กันอีกที เป็นเรือสปีดโบต 3 ลำ ที่กำลังแล่นฝ่าคลื่นขนาดใหญ่อยู่กลางทะเล โดยเรือลำที่มีผู้โดยสารถ่ายคลิป เป็นเรือใหญ่ มี 3 เครื่องยนต์ แต่ถึงจะลำใหญ่ ก็ถูกคลื่นซัดจนโคลงเคลงไปมา
แต่ดูเรือลำที่แล่นตามหลังมาติด ๆ สิ จังหวะที่หัวเรือหันสู้คลื่นเห็นชัด ๆ เลยว่าเรือถูกคลื่นซัดโยนขึ้นโยนลง เอียงซ้ายที ขวาที คนขับเรือก็เหมือนจะพยายามหันหัวเรือให้แล่นอยู่ในร่องน้ำ ที่เรือลำหน้าแล่นแหวกเป็นทางให้ หวังจะลดแรงปะทะของคลื่นทะเล แต่ด้วยสภาพของท้องทะเลที่ปั่นป่วน ในบางจังหวะที่เรือหลุดร่องน้ำ เจอเข้ากับคลื่นขนาดใหญ่ ก็ถูกคลื่นซัดจนเรือโคลงเคลงเป็นที่น่าหวาดเสียว ไม่ต่างอะไรกับเรือลำที่ 3 ที่เห็นแล่นตามหลังมาไกล ๆ นั่นก็อยู่ในสภาพยำ่แย่เหมือนกัน เพราะไม่มีร่องน้ำให้แล่นตามเหมือนเรือลำที่ 2 เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นกลางทะเลอันดามัน เส้นทางระหว่างเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ มายังท่าเทียบเรือในตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา
คลิปที่ว่านี้ถูกแชร์ในสื่อโซเชียลมีเดีย คนก็เข้าไปคอมเมนต์ตำหนิคนขับเรือว่าไม่น่าจะเสี่ยงนำเรือแล่นฝ่าคลื่นที่รุนแรงขนาดนี้ เพราะเรืออาจจะล่มได้ ร้อนถึงสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค 5 จังหวัดภูเก็ต ต้องเรียกผู้ประกอบการเรือ คนขับเรือและลูกเรือของเรือทั้ง 3 ลำ มาชี้แจง
เบื้องต้น พบว่าเรือลำแรก (ลำที่มีคนถ่ายคลิป) มีผู้โดยสารพร้อมลูกเรือเกือบ 50 คน จากภาพมีผู้โดยสารบางคนไม่สวมเสื้อชูชีพ ส่วนเรือลำที่ 2 และลำที่ 3 มีผู้โดยสารลำละประมาณกว่า 10 คน ส่วนสาเหตุที่เรือต้องแล่นตามกันค่อนข้างกระชั้นชิด มีการชี้แจงว่าตอนนั้นในทะเลคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร จึงต้องแล่นเรือตามกันในลักษณะ "เรือใหญ่ประคองเรือเล็ก" เพื่อให้ฝ่าคลื่นลมแรงได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องที่จะผิดฐานฝ่าฝืนนำเรือออกทะเลในขณะเกิดมรสุมหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
สำหรับเหตุการณ์นี้ เข้าข่ายเป็นความผิดมาตรา 291 ตาม พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทยฯ เป็นเรื่องของผู้ที่ควบคุมเรือ หย่อนความสามารถ ไม่ทำตามหน้าที่ หรือละเลย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือข้อบังคับเกี่ยวแก่การเดินเรือ ให้เจ้าท่ามีอำนาจสั่งงดไม่ให้ใช้ใบอนุญาต มีกำหนดไม่เกิน 2 ปี ซึ่งหลังจากสอบสวนข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วก็จะมีการเรียกตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
