นายอุตตม ระบุว่า เหตุที่กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ก็เพราะมีเป้าหมายสร้างความปรองดอง ลดความขัดแย้ง ซึ่งการรวบรวมผู้คนมาทำงานของ พล.อ.ประวิตร และการมาร่วมกันทำงานครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้กลับมาทำงานพรรคที่เคยก่อร่างสร้างพรรคขึ้น และทำงานร่วมกันมา อีกทั้งมีโอกาสกลับมาทำต่อเพื่อ ขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐต่อ ยิ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะมีอุดมการณ์เดียวกัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่า ได้ก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว
“ส่วนการดีลรวมพรรคกับสร้างอนาคตไทย ก็ถือเป็นมารยาททางการเมือง จึงไม่ขอพูดถึง และวันนี้มาร่วมพรรคก็ไม่ได้ติดใจใดๆ อีกทั้งไม่ได้เข้ามาบนเงื่อนไข ต้องเป็นรัฐมนตรีแต่อย่างใดด้วย และก่อนกลับมาได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทยแล้ว และเห็นด้วยที่ทำงานสร้างเศรษฐกิจ ลดความขัดแย้ง และสร้างความปรองดอง” นายอุตตม ระบุ
ด้านนายสนธิรัตน์ เปิดใจว่า การกลับมาพรรคพลังประชารัฐวันนี้ ก็เหมือนการกลับบ้านที่เคยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และยินดีที่มีโอกาสกลับมาทำงานร่วมกับหัวหน้าพรรค นับเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ที่สถาบันการเมืองต้องเข้มแข็ง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับโควิด-19 ต้องการพลังการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ได้รวมผู้คนมาร่วมมือ และก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งตรงกับที่ทำงาน สร้างพรรคสร้างอนาคตไทยตั้งแต่ต้น และมาวันนี้กลับมาด้วยความเต็มใจ ดีใจ ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคแล้วสบายใจ
ขณะที่ พล.อ.วิชญ์ เปิดเผยว่า ได้มองถึงภาวะความเป็นผู้นำที่เด่นชัดในตัว พล.อ.ประวิตร มากที่สุด และเป็นความโชคดีที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียววันนี้ จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นมาเป็นรัฐบาล
ส่วนการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร ในช่วงที่ผ่านมา ได้เสียงและกระแสตอบรับดีหรือไม่ ทำให้พลเอกประวิตร ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “แล้วคุณคิดว่าอย่างไร และนี้สื่อต้องไปสอบถามประชาชน” อีกทั้งการแต่งตัวลงพื้นที่ที่ถูกพูดถึงกันมากนั้น พล.อ.ประวิตร บอกว่า “เป็นการแต่งตัวตามปกติอยู่แล้ว” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า พล.อ.ประวิตร ดูเท่ห์มาก พล.อ.ประวิตร ย้อนถามทันทีว่า “เท่ห์มากหรือไม่”
