ลดค่าไฟช่วยคนไทย กระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็ว ไม่แพ้ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ?

View icon 619
วันที่ 24 เม.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“รองประธานสภาอุตฯ” กระตุกรัฐบาล ลดค่าไฟช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วไม่แพ้ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ?

วันนี้ (24เม.ย.67) นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า  อากาศร้อนมาก  การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น และด้วยค่าไฟฟ้าอัตราก้าวหน้าของครัวเรือน ยิ่งใช้มาก ค่าไฟฟ้าจะยิ่งแพงขึ้น โดยค่าไฟฟ้างวดที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 พ.ค.นี้ จะคิดอัตรา 4.18 บาท/หน่วยนั้น เหมาะสมแล้วหรือไม่ พร้อมยกเหตุผลจากปัจจัยต่างๆ ประกอบ เช่น

- ปัจจัยบวก ด้านต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า มีมากกว่า ปัจจัยลบ เทียบ งวดที่1/67 และ งวดที่ 2 2/67 ,  ราคาพลังงานของโลกอ่อนตัวลง
- ปัจจัยลบ คือ ค่าเงินบาทอ่อน

ด้วยปัจจัยข้างต้น นายอิศเรศ จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งเดินหน้านโยบายการลดภาระค่าไฟฟ้าของประเทศ ดังนี้
- นโบาย ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในการติดตั้ง Solar rooftop (ไม่เกิน 200,000 บาท ?)
- นโยบายการรับซื้อคืนไฟฟ้า จากประชาชน/เอกชน ในราคาที่สมเหตุสมผล* กว่าปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมการลงทุนติดตั้งโซลาร์ ให้มากขึ้นและเร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของภาครัฐ
- นโยบายส่งเสริมแหล่งเงินทุนเช่น  Soft loan เพื่อให้ ประชาชน, เอกชนสามารถจัดหา พลังงานทางเลือก อื่น* ทดแทนการพึ่งพิงพลังงานฟอสซิลเดิม ที่มีผลประโยชน์กระจุกตัว  โดยเฉพาะควรลดการพึ่งพิง LNG นำเข้า ที่ผลักภาระความเสี่ยงต้นทุนการนำเข้าให้ผู้บริโภคด้วยระบบ Cost plus อีกทั้ง ยังเป็นภาระหนี้ EGAT กว่า 1 แสนล้านบาทเช่นปัจจุบัน
- เร่งรัดโครงการดีๆ ของ EGAT ที่ลดการพึ่งพิงฟอสซิล เช่น โครงการ Solar Floating ในเขื่ิอนต่างๆ และ โครงการ Mini firm Solar ( Solar พร้อม Battery สำรองไฟฟ้า ) เป็นต้น

นายอิศเรศ ยังระบุด้วยว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ควรมีการขับเคลื่อน ด้านนโยบาย ต่างๆด้านพลังงานให้เป็นจริงโดยเร็วมากกว่าที่จะพึ่งพิงกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ซึ่งค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมในงวด 2/67 ไม่ควรเกิน 4.10บาท/หน่วย และ การเร่งนโยบาย และ มาตรการเชิงรุกดังกล่าว จะเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ซึ่งใช้งบประมาณกลางจากภาษีประชาชนลดลงในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง รวมทั้ง ได้ตั้งคำถามว่า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจรุมเร้าเช่นนี้ น่าจะได้ผลเร็ว ไม่แพ้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่