แม่ใจร้าย อุ้มลูกน้อยทิ้งหน้าร้านค้า

View icon 74
วันที่ 15 เม.ย. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - แม่ใจร้าย อุ้มลูกน้อยมานั่งเล่นหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง สุดท้ายทิ้งลูกให้อยู่คนเดียว

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพวินาทีชายสวมเสื้อสีน้ำเงิน และหญิงสวมเสื้อสีฟ้า อุ้มลูกน้อยมานั่งเล่นที่หน้าร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่ง ใน จังหวัดเชียงราย จากภาพจะเห็นเด็กน้อยนั่งเล่นอยู่กับพื้น และยังพบทั้งคู่มีกระเป๋าสะพายมาด้วย 2 ใบ ซึ่งนี่ถือเป็นหลักฐานสำคัญ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เด็กน้อยคนนี้ถูกทิ้งให้อยู่บริเวณดังกล่าวคนเดียว ซึ่งเหตุเกิดช่วงเวลา 10.00 น. เมื่อวานนี้

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นางกรรณิการ์ จอมจัน อายุ 43 ปี คนเจอเด็กคนแรก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นชายและหญิงคู่หนึ่งมานั่งอยู่กับเด็กที่หน้าร้านเครื่องเขียน แต่ก็ไม่ได้สนใจ จนต่อมาได้เดินไปร้านสะดวกซื้อ ขากลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ก็เลยหันไปดู ปรากฏว่าพบเด็กน้อยคลานไปมา ร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่มีพ่อแม่ของเด็ก ตนเองก็เลยเรียกสามีและพนักงานมาช่วยปลอบ ช่วยโอ๋ แต่เด็กยังไม่ยอมหยุดร้อง จนต้องแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาตัวพ่อแม่ ซึ่งหลังนำตัวส่งโรงพยาบาล ก็พบว่าน้องมีอาการติดเชื้อในปอด พร้อมรีบโพสต์ลงโซเชียลให้ช่วยกันตามหาพ่อแม่เด็ก

หลังเกิดเหตุ ทางโรงพยาบาลแม่สรวย ก็ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายปกครอง ปลัดอำเภอ เพื่อเร่งหาตัวพ่อแม่และญาติของเด็ก จนล่าสุด ทราบตัวแม่เด็กแล้ว อายุ 28 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านพนาเสรี ก่อนหน้านี้ แม่เด็กเคยอยู่กินกับสามีเก่า และมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่ระหว่างที่ตั้งท้องคนสุดท้าย พ่อเด็กได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไฟช็อต ฝ่ายหญิงจึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ตาของเด็กได้นำหลานไปส่งคืนแม่เด็ก เพราะเด็กมีอาการป่วย และร้องไห้หนัก ซึ่งแม่เด็กก็รับไว้ แต่สุดท้ายกลับมาทิ้งลูกไว้หน้าร้านขายเครื่องเขียน ส่วนตัวเด็กขณะนี้อยู่ในระหว่างการรักษาตัว คาดว่าอีก 2-3 วัน หมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้

ด้าน นายรัสชณพงษ์ รัตนะ นายก อบต.ท่าก๊อ กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าแม่เด็กตั้งใจนำลูกมาทิ้ง หรือติดเหตุจำเป็นเร่งด่วนอะไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวแม่เด็กมาสอบถาม ส่วนชายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร อยู่ระหว่างติดตามตัวเช่นกัน แต่เบื้องต้น คุณตาของเด็กที่ทราบข่าวได้มาติดต่อขอรับเด็กไปดูแลแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ พม. เห็นว่าตามีอายุกว่า 70 ปี และยายอายุ 73 ปี ก็ถือเป็นผู้สูงอายุทั้งคู่ แถมฐานะทางบ้านก็ยังค่อนข้างยากจน จึงเกรงจะเป็นปัญหาในอนาคต ทำให้ขณะนี้ต้องรอประชุมเพื่อแก้ปัญหาต่อไป