เช้าข่าว 7 สี - เป็นเวลาต่อสู้ยาวนานกว่า 6 ปี ในที่สุดวานนี้ "เบนซ์ เรซซิ่ง" ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแบบ 100% หลังศาลฎีกาพิพากษาสั่งยกฟ้องข้อหาสมคบยาเสพติด เพราะมีพยานหลักฐานไม่พอ ส่วนความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่เพราะที่ผ่านมารับโทษเกินกำหนดแล้ว จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวพ้นโทษ
เป็นการพูดเปิดใจจากปากแม่ของนายอัครกิตติ์ หรือ "เบนซ์ เรซซิ่ง" หลังลงมาจากการฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสุดท้ายในคดีที่ลูกชาย ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฐานฟอกเงิน และสมคบกันค้ายาเสพติด เมื่อปี 2560 ตามที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด พบมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาเสพติดของ "ณัฐพล หรือ บอย" ที่ตำรวจจับกุมไปเมื่อปลายปี 2559 จากการรับฝากเงิน และโอนเงินค่ายาเสพติด ไปยังบัญชีธนาคารเครือข่ายของ "นายณัฐพล" รวม 53 ครั้ง เป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท และมีการโอนเงินกลับมายังบัญชีของ "เบนซ์ เรซซิ่ง" เพื่อซื้อรถลัมบอร์กีนีและรถจักรยานยนต์ราคาแพง ช่วงระหว่างปี 2557-2560
ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน ไม่มีความผิดฐานสมคบ สั่งจำคุกเป็นเวลา 8 ปี แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์ เห็นว่า "เบนซ์ เรซซิ่ง" กระทำผิดฐานสมคบค้ายาเสพติดด้วย จึงพิพากษาแก้โทษเป็นจำคุกรวม 36 ปี 8 เดือน ปรับ 3,333,333.33 บาท
ส่วนศาลฎีกา เห็นด้วยกับศาลชั้นต้น ไม่เห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ เพราะยังมีข้อสงสัยในพยานหลักฐานพอสมควร อีกทั้งที่ผ่านมาไม่มีจำเลยรายใดให้การซัดทอดว่า "เบนซ์ เรซซิ่ง" มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมคบค้ายาเสพติด จึงยกฟ้องในข้อหานี้ ส่วนข้อหาฟอกเงิน พิพากษาโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน และเนื่องจากที่ผ่านมา "เบนซ์" รับโทษในเรือนจำมาแล้ว 4 ปี ทำให้เกินเวลารับโทษ จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวเป็นอิสระ และได้รับการปล่อยตัวเมื่อช่วงค่ำวานนี้
สื่อมวลชนจากหลายสำนัก จึงพากันไปเกาะติดดูบรรยากาศการปล่อยตัวที่เรือนจำกลางคลองเปรม กระทั่งประมาณ 19.30 น. "เบนซ์ เรซซิ่ง", มารดา และครอบครัว รวมถึงกลุ่มเพื่อน ได้พากันออกมาจากเรือนจำ พร้อมเปิดใจว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ตนต้องต่อสู้คดีมาอย่างทรมาน เสียทั้งเงินและเวลา เสียความน่าเชื่อถือ พร้อมกับตั้งคำถามว่าจะมีหน่วยงานใดมาชดใช้สิ่งที่ตนสูญเสียไป ทั้งโอกาสในการเลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียว ที่ไม่เคยได้สอนอะไรเลย แม้กระทั่งสอนให้เรียกคำว่าพ่อ ทั้งหมดนี้ไม่สามารถตีมูลค่าเป็นเงินได้ และไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ หลังจากนี้จะปรึกษากับทนายว่าจะทำเรื่องรับเงินชดเชยเยียวยาอย่างไร ส่วนจะมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐกลับหรือไม่นั้น ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวก่อน
