นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับผู้ใช้บริการระบบของบริษัท


   บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจึงมีนโยบายในการพัฒนาและปรับปรุงบริการระบบการให้บริการต่างๆ ของบริษัท เช่น ระบบตรวจพิจารณาภาพยนตร์โฆษณา (MyCensor) ระบบ AMS เป็นต้น โดยบริษัทยึดมั่นในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ด้วยการรักษาข้อมูลที่ได้มาตรฐานสากลและเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ระบบของบริษัทอาจมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจส่งผลต่อนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์ในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ข้อ 1. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทจัดเก็บ

  • ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึงข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยบริษัทจะจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและถูกต้องตามความเป็นจริง โดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขตและวิธีการเป็นไปตามนโยบายนี้ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บ คือ
  • 1.1 ข้อมูลเพื่อการระบุตัวตน เช่น ชื่อ-นามสกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชื่อผู้ใช้หรือชื่อแทนตน (Username) รหัสผ่าน (Password) เป็นต้น
  • 1.2 ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่บริษัท หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) เป็นต้น
  • 1.3 ข้อมูลงานที่นำเข้าสู่ระบบ เช่น ภาพยนตร์โฆษณา รูปถ่ายซึ่งปรากฏภาพบุคคล ข้อมูลวันเวลาออกอากาศโฆษณา เป็นต้น (ทั้งนี้ ภาพยนตร์โฆษณา ภาพนิ่งที่ท่านได้นำเข้าสู่ระบบของบริษัท ท่านขอรับรองว่าบุคคลซึ่งปรากฏในภาพยนตร์ หรือรูปถ่ายดังกล่าว ได้ให้ความยินยอมแก่ท่านในการจัดทำภาพยนตร์หรือภาพนิ่งดังกล่าวแล้ว)
  • 1.4 ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หมายเลข IP Address ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่เว็บไซต์ (Cookie) ข้อมูลสถิติกิจกรรมและอุปกรณ์ที่ใช้ เป็นต้น

ข้อ 2. ฐานตามกฎหมายที่บริษัทใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  • บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท สำหรับข้อมูลที่ต้องขอความยินยอมก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานอื่นตามกฎหมายนอกเหนือจากความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ ดังกรณีต่อไปนี้
  • 2.1 เป็นการใช้ข้อมูลเพื่อกิจการสื่อมวลชน งานศิลปกรรม วรรณกรรม ซึ่งเป็นไปตามจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ
  • 2.2 เป็นการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลเพื่อการดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หรือการพิจารณาคดีของศาล
  • 2.3 เพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลเป็นคู่สัญญาหรือใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลก่อนเข้าทำสัญญา
  • 2.4 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น
  • 2.5 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น
  • 2.6 เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของบุคคล
  • 2.7 เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐได้มอบหมายหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ
  • 2.8 เป็นการเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษาวิจัยเก็บสถิติโดยมีมาตรฐานการป้องกันข้อมูลตามกฎหมาย
  • 2.9 เป็นการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลตามเหตุอื่นใดที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ให้อำนาจบริษัทสามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมก่อน

ข้อ 3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

  • บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล โอน หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
  • 3.1 เพื่อใช้สำหรับประกอบกระบวนการตรวจพิจารณาภาพยนตร์โฆษณาผ่านระบบของบริษัท
  • 3.2 เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงระบบของบริษัท ให้มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของท่าน
  • 3.3 ศึกษาข้อมูลสถิติการใช้งานของท่าน วิเคราะห์ ประมวลผล วิจัย เพื่อให้บริษัททราบพฤติกรรมการใช้งานระบบของบริษัท ในการพัฒนารูปแบบการให้บริการบนระบบของบริษัทให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น
  • 3.4 เพื่อการบริหารจัดการบัญชีผู้ใช้งานของท่านที่ลงทะเบียนในระบบของบริษัท
  • 3.5 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ ตลอดจนตามข้อกำหนดแนวทางของหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัท
  • 3.6 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ได้แจ้งไว้ในขณะที่มีการรวบรวมข้อมูล

ข้อ 4. ระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูล

  • บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาการให้บริการของระบบของบริษัท เพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
  • ทั้งนี้ บริษัทอาจเก็บข้อมูลไว้นานกว่ากำหนด ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการตามกฎหมาย หรือดำเนินการตามข้อเรียกร้องของบุคคลภายนอกซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสีย หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หรือมีกฎหมายกำหนดให้เก็บรักษาไว้

ข้อ 5.สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

  • ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัทผ่านช่องทางระบบของบริษัท โดยร้องขอให้บริษัทดำเนินการตามสิทธิของท่านดังต่อไปนี้
  • 5.1 ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้และขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะดำเนินการภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับคำขอจากท่านตามระเบียบของบริษัท เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล
  • 5.2 ท่านมีสิทธิขอรับหรือให้ส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานหรือบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
  • 5.3 ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บ ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม เว้นแต่บริษัทสามารถแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบธรรมตามกฎหมาย
  • 5.4 ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ ทำลายหรือระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรักษาไว้ หรือให้บริษัทดำเนินการทำให้ข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทเก็บรักษาข้อมูลไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือบริษัทมีสิทธิในการเก็บรักษาตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้
  • 5.5 ท่านสามารถปรับปรุง แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ในบัญชีผู้ใช้ได้ทุกเมื่อด้วยตนเองและสำหรับข้อมูลส่วนอื่นๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ท่านสามารถขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
  • 5.6 ท่านมีสิทธิถอนความยินยอม ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ สำหรับข้อมูลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ แต่การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านี้
  • 5.7 ท่านมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • บริษัทจะดำเนินการตามที่ได้รับแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้มีสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย (“ผู้ร้องขอ”) บริษัทจะพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดตามกระบวนการรับเรื่องของบริษัท ทั้งนี้หากมีค่าใช้จ่าย บริษัทจะแจ้งให้ผู้ร้องขอทราบก่อนดำเนินการ
  • ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามที่ผู้ร้องขอได้ร้องขอไว้ข้างต้น บริษัทจะดำเนินการแจ้งเหตุผลให้กับผู้ร้องขอได้รับทราบ โดยผู้ร้องขอสามารถคัดค้านหรือโต้แย้งได้โดยบริษัทจะบันทึกคำโต้แย้งหรือคัดค้านไว้เป็นหลักฐาน 

ข้อ 6. บุคคลหรือหน่วยงานที่ข้อมูลอาจถูกส่งไปจัดเก็บหรือเปิดเผย

  • บริษัทอาจมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเก็บรักษาหรือเปิดเผยให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลดังต่อไปนี้
  • 6.1 บริษัทในเครือ หรือพันธมิตรอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลไปประมวลผล
  • 6.2 หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หรือหน่วยงานในลักษณะเดียวกัน ในกรณีที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
  • 6.3 ที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านทนายความ ผู้สอบบัญชี นักบัญชี ผู้ตรวจสอบภายในและผู้รับประกันภัย ที่ให้บริการแก่บริษัท

ข้อ 7. การโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ

  • บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องดำเนินการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ อาทิ การส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บรักษาบนฐานข้อมูลกลุ่มเมฆ (Cloud) หรือการส่งข้อมูลไปยังผู้ให้บริการหรือตัวแทนจำหน่ายที่มีสำนักงานอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทจะตรวจสอบและคัดเลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามมาตรฐานสากล

ข้อ 8. มาตรฐานการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัย

  • บริษัทมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยแก่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยเข้ารหัสความปลอดภัยแบบ Advanced Encryption Standard หรือ AES-256 เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมและรักษาไว้ โดยการเข้าถึง การใช้และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวจะกระทำได้โดยพนักงานที่บริษัทมอบหมายหน้าที่ไว้เท่านั้น และบริษัทจะมีมาตรการตรวจสอบการทำงานและการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยบริษัทจะมีการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอด้วยการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสียหาย และการนำไปใช้งานในทางที่ผิด โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นโยบายการบริหารจัดการและความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล (https://www.ch7.com/privacy-policy)

ข้อ 9. การใช้งานคุกกี้ (Cookie) บนเว็บไซต์

  • เว็บไซต์และแอปพลิเคชันมีการเก็บข้อมูลผ่านคุกกี้ (Cookie) ซึ่งหมายถึงข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ที่ติดตั้งไว้บนอุปกรณ์ของท่าน เพื่อช่วยในการใช้งาน คุณสมบัติ และฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เข้าใจถึงลักษณะนิสัย ความสนใจพิเศษและพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ช่วยจัดการเนื้อหาและโปรโมชันต่างๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของท่าน โดยท่านมีสิทธิจะเลือกรับหรือปฏิเสธ Cookie ก็ได้ ซึ่งจะมีการสอบถามโดยชัดแจ้งผ่านหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน แต่ท่านอาจไม่สามารถใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงอาจไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาหรือบริการบางส่วนได้ (อ่านรายละเอียดนโยบายคุกกี้ Cookie เพิ่มเติมได้ที่ https://www.ch7.com/cookie-policy)

ข้อ 10. ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและช่องทางติดต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

  • หากท่านประสงค์จะติดต่อบริษัท เพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมี ข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสามารถติดต่อไปที่เจ้าหน้าที่ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่

  • หมายเลขโทรศัพท์ 0 2495 7777 ต่อ 711
  • บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7HD)
  • เลขที่ 998/1 ซอยร่วมศิริมิตร (พหลโยธิน 18/1) ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. 10900

  • บริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทจะมีการประกาศการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบนระบบของบริษัท การใช้บริการระบบของบริษัทของท่านถือเป็นการรับทราบข้อกำหนดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ และการที่ท่านใช้บริการอย่างต่อเนื่องภายหลังจากที่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ย่อมถือเป็นการรับทราบการแก้ไขแต่ละครั้งด้วยเช่นเดียวกัน

  • มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564
  • บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด