เจ้าของเต็นท์รถ ยื่นฟ้อง อดีต อสส. และพวกรวม 9 ราย ยกเลิกถอนอายัดรถหรู เรียกค่าเสียหาย 49 ล้านบาท

View icon 313
วันที่ 20 มิ.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อายัดรถซ้ำ ขายโอนรถหรูไม่ได้ เจ้าของเต็นท์รถ ยื่นฟ้องแพ่ง อดีตอัยการสูงสุด และพวกรวม 9 ราย เรียกค่าเสียหาย 49 ล้านบาท ผู้เสียหายอีก 30 กว่าคนจ่อฟ้อง

วันนี้ (20 มิ.ย.67) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายกฤต วงศ์ท่าหลวง ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากลูกความ ซึ่งเป็นเจ้าของเต็นท์รถแห่งหนึ่ง เดินทางมายื่นฟ้อง อดีตอัยการสูงสุด, สำนักงานอัยการสสูงสุด, พนักงานอัยการ, กรมศุลกากร , กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , อดีตอธิบดีดีเอสไอ และพนักงานสอบสวนอีก 3 คน ฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 49,071,659 บาท กรณีหน่วยงานของรัฐถอนอายัดรถลัมบอร์กินี ซึ่งเป็นของกลางในคดีหลบเลี่ยงศุลกากร ทำให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์กันได้ โจทก์จึงเข้าซื้อรถคันดังกล่าวจากผู้ครอบครองอย่างถูกต้อง โดยมีการทำสัญญาผ่อนชำระกับทางไฟแนนซ์ และผ่อนจ่ายตรงงวดไม่เคยมีปัญหา

กระทั่งเดือน ก.ย. 2566 มีผู้ติดต่อขอซื้อรถคันดังกล่าวจากโจทก์ และนัดหมายไปโอนเปลี่ยนเจ้าของกันในวันที่ 17 ส.ค.66 แต่ปรากฏว่าไม่สามารถโอนเปลี่ยนเจ้าของได้ เนื่องจากมีคำสั่ง "ยกเลิกการถอนอายัด" ทำให้รถยนต์กลับเข้าเป็นของกลางอีกครั้ง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จากการทำงานของหน่วยงานรัฐดังกล่าว จึงตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นเงิน 49 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้มาจากดอกเบี้ยที่โจทก์ต้องผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ ค่าขาดประโยชน์ และค่าเสียหายอื่น ๆ


นายกฤต กล่าวว่า คดีนี้เน้นฟ้องหน่วยงานของรัฐที่ทำให้ประชาชนเสียหาย เพราะรถถูกนำมาขายในท้องตลาดผ่านการคำนวนภาษีจากกรมศุลกากรแล้ว และประชาชนก็ซื้อกันเป็นทอด ๆ รถคันนี้ทราบว่ามีการถอนอายัดโดยดีเอสไอจากคำสั่งของทางพนักงานอัยการ เราจึงซื้อ ต่อมามีการโอนขายก็ทราบว่ามีการอายัดใหม่ เราได้สอบถามไปที่ดีเอสไอทราบว่าทางอัยการสูงสุดขณะนั้นเป็นคนสั่งอายัดใหม่

ผู้เสียหายในคดีนี้ส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไปที่ต้องการได้รถไว้ ซึ่งเป็นความฝันของคนที่อยากจะได้ซูเปอร์คาร์ทุกคน และไม่ได้หลบเลี่ยงเป็นผู้นำเข้า ราคาก็เป็นราคาซื้อขายตามท้องตลาด ไม่มีใครรู้ว่าเป็นรถที่มาจากกระทำความผิด ตอนนี้ผู้เสียหายอีกหลายรายที่มอบอำนาจให้ตนมี 30 กว่าคน เป็นมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท โดยผู้เสียหายที่อยู่ในไลน์กลุ่มของตนก็ราว ๆ 120 คนความเสียหายมูลค่าน่าจะนับพันล้านบาท

ตนอยากฝากถึง นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ว่าในเมื่อเป็นคำสั่งของ อดีตอัยการสูงสุดท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเก่าก็อยากขอให้ อัยการสูงสุดคนปัจจุบันช่วย เพราะเราเป็นผู้บริสุทธิ์เสียค่าตอบแทนเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีส่วนกระทำความผิด ที่ผ่านมาเข้าไปคุยหลายหน่วยงาน ทุกฝ่ายพูดเหมือนกันว่าเห็นใจพวกเรา อยากจะช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ตอนนี้อยู่ที่อัยการสูงสุดท่านปัจจุบันว่าจะถอนอายัดหรือไม่ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ขอเข้าพบอัยการสูงสุด แต่ไม่ได้พบ เนื่องจากได้รับแจ้งว่าท่านป่วย โดยหนังสือขอความเป็นธรรมเรายื่นไปที่ อดีตอัยการสูงสุด แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากมองว่าเมื่อเป็นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต้องมีข้อมูลใหม่จึงจะรับเรื่อง ดังนั้น ในวันนี้เราก็ยื่นฟ้อง อดีตอัยการสูงสุดท่านนั้นด้วย

ทั้งนี้ รถหรูพวกนี้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาโดยอัยการฟ้องผู้นำเข้า ในส่วนคดีอาญาเราต้องไปยื่นขอรับขอคืนของกลาง โดยศาลนัดชี้สองสถานวันที่ 26 ส.ค.2567 เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับที่มาของคดีรถหรูสำนวนดังกล่าว คณะทำงานและอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องเห็นควรไม่ขอริบรถของกลาง โดยให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 85 แต่เมื่อมีกรณีสั่งไม่ฟ้องส่งไปยังดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอมีความเห็นแย้ง จึงส่งสำนวนและความเห็นไปยัง น.ส.นารี อัยการสูงสุดในขณะนั้น เเต่ น.ส.นารี อัยการสูงสุดชี้ขาดให้ฟ้อง และกลับความเห็นในเรื่องของการให้ริบของกลาง จึงมีการให้ยึดของกลางเพื่อขอให้ศาลสั่งริบต่อไป