หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม “ตุ้มเม้ง เถิดเทิง” ร้องสื่อ หญิงเมาแล้วขับเบนซ์กลับคำ พาอดีตนายพลชี้นำ จนตำรวจเรียกไปรับทราบข้อหา

View icon 184
วันที่ 8 พ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (8 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ ประเสริฐสุนทร อายุ 43 ปี หรือ ตุ้มเม้ง เถิดเทิง ดาราตลกชื่อดัง ออกมาร้องสื่อ หลังมีหญิงสาวสภาพขายเมาขับรถเบนซ์ ไปชนแท่งแบริเออร์กระเด็นออกมาขวางถนน จากนั้นได้จอดรถข้างทาง ซึ่งเป็นจังหวะที่ ตุ้มเม้ง ได้ขับรถมาพอดี พอเห็นแท่งแบริเออร์อยู่กลางถนน จึงรีบหักหลบทันที ทำให้ไปชนท้ายรถเบนซ์ของผู้ประสบอุบัติเหตุที่จอดอยู่ข้างทาง โดยในวันนั้นผู้หญิงที่ขับรถเบนซ์ได้ยอมรับผิดทุกอย่าง และยอมรับว่าตัวเองเมา แต่พอมาวันนี้กับเปลี่ยนคำให้การ โดยมีอดีตทหารยศนายพลมาช่วยเหลือ ซึ่งกล่าวหาว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด จึงกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายประเสริฐ หรือ ตุ้มเม้ง เถิดเทิง บอกว่า เหตุเกิดเมื่อ 21 มี.ค. 67 ขณะขับรถตู้อยู่ช่วงถนนราชพฤกษ์ อยู่ ๆ มีแบริเออร์พลาสติกสีส้ม ไถลออกมาอยู่กลางถนน เนื่องจากบริเวณนั้นมืด ไฟส่องสว่างน้อย ตนเห็นในระยะกระชั้นชิด จึงหักหลบแบริเออร์ ทำให้ไปชนท้ายรถยนต์เบนซ์ สีดำ ซึ่งผู้ขับขี่เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 53 ปี

ต่อมา ผู้หญิงที่ขับรถเบนซ์ได้ยอมรับว่า ตนเป็นคนขับเฉี่ยวชนแบริเออร์ จนแบริเออร์ไถลไปอยู่กลางถนน และยังไม่ทันได้เคลื่อนย้ายกลับที่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้น ซึ่งขณะเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้เดินทางรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ก่อนส่งตัวตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่โรงพยาบาล โดยผู้หญิงที่ขับรถเบนซ์วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้สูงถึง 198 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ส่วนของตนเอง วัดได้ 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น

จากนั้นวันที่ 22 มี.ค. 67 ทางพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน เชิญคู่กรณีทั้งสองเข้าพบ ที่ห้องพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน คู่กรณี คือ ผู้หญิงที่ขับรถยนต์เบนซ์ ยอมรับว่า เหตุการณ์เฉี่ยวชนที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทของตนเองจริง และมีทางพนักงานสอบสวนลงชื่อในบันทึกประจำวันกำกับไว้ด้วย

กระทั่งวันที่ 10 เม.ย. 67 ทางพนักงานสอบสวนได้มีการเรียกตนกับคู่กรณีเข้าไปให้การเพิ่มเติม และคู่กรณีได้พาอดีตทหารยศนายพลเดินทางมาด้วย พร้อมพูดเสียงดัง คอยชี้นำพนักงานสอบสวนว่าตนเป็นฝ่ายผิด และสงสัยว่าในรถตนมีขวดเหล้าหรือไม่

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (7 พ.ค. 67) พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้เรียกตนเองไปรับทราบข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย ตนจึงได้ชี้แจงไปว่า ครั้งก่อนที่มา มีการลงบันทึกประจำวันไปแล้วว่า คู่กรณีที่ 1 รับว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากคู่กรณีที่ 1 จริง แต่ครั้งนี้กลับเรียกตนมาแจ้งข้อหา ซึ่งตนเองเข้าใจว่า ทางพนักงานสอบสวนอาจถูกกดดันมา จึงต้องเรียกตนเองมาแจ้งข้อหา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง