หลายประเทศในเอเชียยังคงเผชิญสภาพอากาศร้อนจัด

View icon 66
วันที่ 3 พ.ค. 2567
รอบรั้วเอเชีย
แชร์
หลายประเทศทั่วทวีปเอเชีย ยังคงต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้ทางการแต่ละประเทศต้องหามาตรการต่าง ๆ รับมือกับคลื่นความร้อน และนอกจากมนุษย์แล้ว สัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์น้ำ ก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนไม่แพ้กัน

เริ่มกันที่ประเทศเวียดนาม นี่เป็นภาพของปลาหลายแสนตัวในอ่างเก็บน้ำซองเมย์ (Song May) ที่จังหวัดด่งนาย (Dong Nai) ทางตอนใต้ของประเทศ ที่ลอยตายจนแทบมองไม่เห็นผิวน้ำ ท่ามกลางอุณหภูมิในพื้นที่ที่พุ่งเกิน 40 องศาเซลเซียส

สื่อท้องถิ่นของเวียดนาม รายงานว่า จากคลื่นความร้อนที่โหดร้าย ประกอบกับการขาดการบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสม จนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำดังกล่าวแทบไม่เหลืออยู่ ทำให้ปลาตายส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าปลาที่ตายไปนั้นอาจมีปริมาณมากถึง 200 ตัน

ก่อนหน้านี้ ทางการปล่อยน้ำให้กับพื้นที่การเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่ปลายน้ำ อีกทั้งพยายามขุดลอกอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้ปลามีพื้นที่และน้ำมากขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ทางการเวียดนามกำลังเร่งสืบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมเร่งเก็บกวาดปลาตายออกจากอ่างเก็บน้ำ

ขณะที่ ทางการกัมพูชา ประกาศคำสั่งให้โรงเรียนรัฐทุกแห่ง ลดเวลาการเรียนการสอนลงวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงเที่ยงวัน โดยจะทำการเรียนการสอนในเวลา 07.00-10.00 น. ก่อนจะหยุดพัก และเริ่มเรียนอีกครั้งในเวลา 14.00-17.00 น. อย่างไรก็ตาม นักเรียนคนหนึ่งในกรุงพนมเปญ แสดงความกังวลว่า การลดเวลาเรียนลงอาจส่งกระทบต่อผลสอบของตนเอง ขณะที่ นักเรียนอีกคน ระบุว่า ความร้อนทำให้เธอมีอาการปวดหัวจนไม่มีสมาธิกับการเรียน

ที่กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ทางการท้องถิ่นใช้มาตรการนำรถอาบน้ำเคลื่อนที่ 2 คัน ออกมาให้บริการประชาชนตามชุมชนต่าง ๆ เพื่อเป็นการคลายร้อน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะนอกจากประชาชนจะต้องเผชิญกับความร้อนแล้ว ยังต้องประสบปัญหาไฟฟ้าและน้ำขาดแคลนอีกด้วย ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ คาดการณ์ว่า ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) จะยังคงสูงแตะ 45 องศาเซลเซียส ไปตลอดทั้งสัปดาห์นี้

ส่วนที่ประเทศอินเดีย นอกจากประชาชนจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดผิดปกติแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่ชนบท เช่นที่เมืองกษรา (Kasara) รัฐมหาราษฏระ (Maharashtra) ต้องประสบกับความยากลำบากมากขึ้นไปอีก โดยบรรดาผู้หญิงต้องพากันไปตักน้ำจากบ่อลึก หรือตามแม่น้ำ และเดินแบกถังน้ำท่ามกลางแสงแดด เพื่อนำน้ำมาใช้ในชีวิตประจำวัน