เพลิงไหม้โกดังร้างเก็บสารเคมีเถื่อน

View icon 27
วันที่ 2 พ.ค. 2567
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังร้าง เป็นที่เก็บสารเคมีเถื่อนของกลางในคดี 4,000 ตัน ในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกลุ่มควันสีดำหนาแน่นส่งกลิ่นเหม็นทั่วบริเวณขยายวงกว้างออกไป มีการเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว

เกิดเหตุการณ์ระทึกเพลิงไหม้โกดังร้างเก็บสารเคมีเถื่อนที่เป็นของกลางในคดี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย-ภาชี พื้นที่หมู่ 2 อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดที่เกิดเพลิงไหม้เป็นโกดังที่ 4 และ 5 มีกลุ่มควันสีดำหนาแน่น ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เป็นวงกว้างออกไป ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ โดยขณะเกิดเหตุทางนายอำเภอภาชี พร้อมด้วยนายกเทศมนตรี และหน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ระดมผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมระงับเหตุอย่างรัดกุม เนื่องจากด้านในโกดังเป็นที่เก็บสารเคมีอันตราย

โดย นางปวีณา ทองสกุลพันธ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บอกว่า จุดที่เกิดเพลิงไหม้เป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดกลุ่มควันสีเหลืองส้ม เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ใช้โฟมเข้าควบคุมสถานการณ์

พร้อมอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 50 หลังคาเรือน ไปพักชั่วคราวที่วัดโคกม่วงแล้ว หลังจากได้รับผลกระทบในรัศมี 3 กิโลเมตร ขณะเดียวกันทางเทศบาลภาชี ได้แจ้งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณตั้งแต่โรงพยาบาลภาชี ไปจนถึงตลาดภาชี และบริเวณใกล้เคียง สวมหน้ากากอนามัยและออกมาอยู่ในที่โล่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากกลุ่มควันที่ฟุ้งกระจาย หากผู้ใดมีอาการระคายเคืองผิวหนัง ดวงตา หรือ หายใจติดขัด ให้เดินทางไปพบแพทย์โรงพยาบาลภาชีในทันที

จากการสอบถาม นายประทุม อายุ 70 ปี ชาวบ้านที่พักอยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุบอกว่า ตนเองและครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างหนัก และได้อพยพคนแก่และเด็กเล็กออกนอกบ้านแล้ว และได้คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรง โดยก่อนเกิดเหตุได้กลิ่นเหม็นตั้งแต่ช่วง 14.00 น. แล้ว และตอนนั้นก็มีกลุ่มควันขึ้นเล็กน้อยจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งถึงช่วง 18.00 น. ก็มีกลุ่มควันและเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง พร้อมกับบอกด้วยว่า ในจุดนี้เกิดเหตุแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบและเคลื่อนย้ายสารเคมีออกนอกพื้นที่โดยเร็ว

ล่าสุดในช่วง 21.00 น. ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประสานโรงพยาบาลภาชี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลภาชี ประมาณ 40 คน ไปยังโรงพยาบาลท่าเรือ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช โรงพยาบาลวังน้อย และโรงพยาบาลอุทัย เพื่อป้องกันอันตรายจากการสูดดมสารเคมี จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ ขณะที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ทั้งรถดับเพลิงโฟมและเคมี รวมถึงรถดับเพลิงชนิดหอน้ำ รถยนต์กู้ภัยเคลื่อนที่เร็วและเคมีโฟมจำนวน 4,000 ลิตร ลงพื้นที่สนับสนุนการระงับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว

และขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการดับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ทางนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ได้ลงพื้นที่วางแนวทางปฏิบัติงานร่วมกัน พร้อมกับบอกว่า ในโกดังที่ 4 และ 5 ที่เกิดเพลิงไหม้มีสารเหล็กและสารเคมีอื่น ๆ อยู่ระหว่างดำเนินคดี มีทั้งประเภทกรด น้ำมัน และสารเคมีที่ใช้งานแล้ว ซึ่งเพลิงไหม้แบบนี้จะเกิดเป็นก๊าซ มีการส่งเจ้าหน้าที่มาแล้วเพื่อหาค่าตรวจวัด โดยตั้งรถตรวจหาค่าไว้ที่หน้าอำเภอ และที่โรงพยาบาลตามทิศทางลม และในชั้นนี้ขอตรวจวัดหาค่าสารเคมีต่าง ๆ ก่อน เพื่อดูว่ามีสารปนเปื้อนในอากาศหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง