เวลา 09.00 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ทรงเปิดการประชุมวิชาการ 40 ปี ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ในหัวข้อ "The Essence of Internal Medicine" เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบ 40 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงรับราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีแพทย์จากสาขาต่าง ๆ เภสัชกร พยาบาล บุคลากรด้านสาธารณสุข นักศึกษาแพทย์ และแพทย์ใช้ทุน ร่วมการประชุมกว่า 2,800 คน
โอกาสนี้ พระราชทานเกียรติบัตรแก่อายุรแพทย์อาวุโส 8 คน ที่ได้รับรางวัลผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดชีวิต (RCPT Lifetime achievement award) เพื่อประกาศเกียรติคุณในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพด้านอายุรกรรมมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่น วิริยะ อุตสาหะ เสียสละและเป็นแบบอย่างให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านอายุรกรรมท่านอื่น ๆ และพระราชทานเกียรติบัตรแก่ปูชนียาจารย์อายุรแพทย์ 14 คน จากนั้น มีพระราชดำรัสเปิดการประชุม
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยฯ จัดการประชุมฯ นี้ขึ้น ระหว่างวันที่ 24-27 เมษายน 2567 มีผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมปาฐกถา ในหัวข้อสำคัญต่าง ๆ เช่น เวชบำบัดวิกฤต อดีต ปัจจุบัน และอนาคต และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทั้งทางด้านวิชาการและการใช้ชีวิตสู่อายุรแพทย์รุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการแพทย์ไทย และนิทรรศการแสดงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมุ่งมั่น ช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการด้านการแพทย์อย่างทั่วถึง ทั้งยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยของแพทย์ประจำบ้านในระดับต่าง ๆ และการมอบรางวัลแก่ผู้ที่มีผลงานดี และดีเยี่ยมด้วย
เวลา 15.59 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย ทรงร่วมงานบุญสงกรานต์ปีใหม่ ประจำปี 2567 โดยมี นายสะเหลิมไซ กมมะสิต รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, นายคำพัน อั่นลาวัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย พร้อมข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ
ในการนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงสรงน้ำพระพุทธรูปประจำสถานเอกอัครราชทูตฯ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ จำนวน 5 รูป ซึ่งนิมนต์มาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 3 รูป และไทย 2 รูป จากนั้น พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ แล้วทรงร่วมพิธีบายศรีสู่พระขวัญ โดยมี หมอพร อานุวงศ์ สุริวงศ์ เป็นผู้ประกอบพิธีบายศรีสู่พระขวัญ อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปกปักรักษาผู้เข้าร่วมในพิธี ให้มีอายุมั่นขวัญยืน ปราศจากโรคภัย และภยันตรายทั้งปวง การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ชาวอีสานมีความเชื่อว่าเป็นการเชิญขวัญให้อยู่กับเนื้อกับตัว ซึ่งนอกจากจะทำให้อยู่ดีมีสุขแล้ว ยังจะส่งเสริมให้มีกำลังใจที่เข้มแข็ง มีสติ ไม่ประมาท
จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงและการขับร้องเพลงของนักแสดงทั้งชาวไทยและชาวลาว อาทิ การแสดงกายกรรมห่วงเหล็ก, การแสดงฟ้อนหมู่ ชีวิตใหม่ชาวม้ง, การขับร้องเพลงบ้านเกิดเรา, การขับร้องเพลงยามแลงบ้านเฮา, การแสดงฟ้อนสาวพวนม่วนชื่น, การแสดงกายกรรมเลื่อนลอยเตะชาม, การฟ้อนรำ และขับร้องหมู่ เพลงแววคำทูลลาว
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 2 เมษายน 2567 คณะนักร้องขับร้องเพลงถวายพระพร ทรงตัดเค้ก แล้วพระราชทานแก่ผู้ร่วมงาน
งานบุญสงกรานต์ปีใหม่ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ และประชาชน และยังเป็นการสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามร่วมกันด้วย
