รวบแก๊งสาวหมื่นหน้า สแกนเปิดซิมผีส่งขายตลาดมืด

View icon 271
วันที่ 11 เม.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จับแก๊งสาวแสบหมื่นหน้า สแกนหน้าตัวเองเปิดซิมผีออนไลน์ กว่า 1.3 หมื่นเลขหมาย ส่งขายตลาดมืด ในราคา เบอร์ละ 100-200 บาท

วันที่ 11 เม.ย.67 สืบเนื่องจาก ตำรวจไซเบอร์ได้ระดมจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บไซต์พนันออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพบเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับการเปิดซิมผี ที่ใช้บุคคลใบหน้าเดียวกันนับหมื่นเลขหมาย จึงได้ประสานงานร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช.  และเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อทำการตรวจสอบเชิงลึก กระทั่งพบว่า มีบุคคลใช้ใบหน้าเดียวกันในการลงทะเบียนซิม จำนวน 13,060 เลขหมาย อีกทั้งบุคคลดังกล่าวยังใช้ภาพถ่ายเดียวกันบนหน้าบัตรประชาชน แต่ใช้บัตรประชาชนในการ KYC ต่างกันกว่า 3,350 ใบ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จนทราบว่าขบวนการดังกล่าว มีผู้ว่าจ้างให้ลงทะเบียนซิม ผู้จัดหาภาพบัตรประชาชน และผู้ที่ตัดต่อภาพบัตรประชาชน เพื่อทำการลงทะเบียนซิม โดยแบ่งหน้าที่กันทำ และได้รับผลประโยชน์จากการจัดหาภาพบัตรประชาชน ในราคาภาพละ 5 บาท  และลงทะเบียนซิมในราคาหมายเลขละ 5 บาท เพื่อนำออกขายในตลาดมืดในราคา เบอร์ละ 100-200 บาท สำหรับเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือ เว็บพนันออนไลน์ต่อไปต่อไป

เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม  3 คน และสามารถจับกุม 1.น.ส.อุทัยทิพย์ อายุ 26 ปี ชาว กทม. ผู้ใช้ใบหน้าตนเองทำการ KYC ทั้ง 13,060 ซิม และสวมบัตรประชาชน ทั้ง 3,350 ใบ 2.น.ส.ศิริลักษ์  อายุ 26 ปี ชาวกาฬสินธุ์ ผู้ว่าจ้างและส่งซิมการ์ด มาให้ น.ส.อุทัยทิพย์ฯ ทำการ KYC และ น.ส.รัชวรรณสรณ์ อายุ 25 ปี ชาวกำแพงเพชร ผู้จัดหาและส่งบัตรประจำตัวประชาชน

ทั้ง 3 คน ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกัน ปลอม และ ใช้เอกสารราชการปลอม ,โดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา ,ปลอมและใช้ บัตรประชาชน หรือแสดงบัตรประชาชนปลอม” นำตัวส่งดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเตรียมขยายผลถึงแหล่งรับซื้อ แหล่งจำหน่าย รวมทั้ง ผู้ใช้ประโยชน์จากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือดังกล่าว เพื่อนำตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป