วิวาห์สุดช้ำ อยู่กิน 4-5 วัน สาวขอเลิก ยึดสินสอด 2 แสน ทอง 2 บาท

View icon 566
วันที่ 23 มี.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มราชบุรีช้ำ แต่งงาน 4-5 วัน โดนขอเลิก เชิดสินสอด 2 แสน ทอง 2 บาท ฟากเจ้าสาวชี้ ตัวเองเสียหาย เปิดใจชนวนเหตุสายใยรักขาดสะบั้น ลั่น ไม่กลับไปใช้ชีวิตคู่กันอีก

วิวาห์สุดช้ำ วันนี้ (22 มี.ค.2567) ผู้สื่อข่าวติดต่อไปขอพูดคุยกับ นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดราชบุรี จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียแชร์เหตุการณ์แต่งงานของบ่าวสาวคู่หนึ่ง มีสินสอดเป็นเงิน 200,000 บาท ทองหนัก 2 บาท แต่อยู่กินได้เพียง 4-5 วัน เจ้าสาวขอเลิกแล้วเอาสินสอดทั้งหมดไป อ้างว่าเป้นฝ่ายเสียหาย หากฝ่ายชายอยากได้คืนให้ไปฟ้องศาล

โดยนายเอก กล่าวว่า คบกับเจ้าสาวมาตั้งแต่ปี 2564 และตกลงกันว่าจะแต่งงานกันในวันที่ 16 มี.ค.2567 ได้พูดคุยกันเรื่องสินสอด พูดคุยเรื่องการจัดงาน ยอมรับว่าตอนพูดคุย ไม่ได้มีการสื่อสารกันให้ชัดเจน เรื่องเงินค่าซอง และเรื่องรูปแบบงาน และไม่รู้ว่าจะต้องออกค่าใช้จ่ายเรื่องการจัดงานด้วย  จึงทำให้มีปัญหากัน หลังแต่งงานได้ 3 วัน เจ้าสาวก็ขอกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง และช่วงนั้นก็มีการพูดคุยกันเรื่องของค่าใช้จ่ายในงานที่ยังค้างอยู่ จึงทำให้เกิดมีปากเสียงกันจนเรื่องลุกลามใหญ่โต เมื่อวานนี้ทั้งสองฝ่ายได้นัดพูดคุยตกลงกันที่สภ.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง เกี่ยวกับเรื่องเงินสินสอดดังกล่าว เจ้าสาวบอกว่า ไม่คืนให้ทั้งหมด เพราะฝ่ายเจ้าสาวเองก็เสียหายที่ต้องเลิกรา สุดท้ายส่งข้อความมาบอกว่าจะคืนเงินให้ 50,000 บาท ให้ส่งเลขบัญชีไป ซึ่งตนก็ขอทอง 2 บาท คืนด้วย แต่เจ้าสาวไม่ยอม หลังจากนั้น อีกฝ่ายก็เงียบไป ไม่สามารถติดต่อได้ จึงอยากขอความเห็นใจให้เจ้าสาวคืนเงินสินสอดจำนวน 50,000 และทอง 2 บาท เพราะทางบ้านตนก็มีการจ่ายค่าใช้จ่าย จ่ายค่าจัดงานไปแล้ว ถามว่าตอนนี้ยังรักอยู่ไหม ก็ยังรัก แต่ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตคู่ อยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว เพราะมีปัญหา มีปากเสียงกันเรื่องนี้ พูดจาทำร้ายจิตใจกันไปแล้ว หลังจากนี้แค่อยากได้เงินสินสอดกับทองคืน แล้วก็ยินดีจะแยกทางกันไปด้วยดี

ด้านนางสาว เอ (นามสมมุติ) เจ้าสาวเล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจากเงิน 3,500 บาทค่ารูปถ่ายที่เจ้าบ่าว มาทวงถามให้ตนไปคุยกับแม่ว่าจะเอายังไง ทำให้ตนโมโหมาก และยังมีปัญหามาตั้งแต่วันแต่งงาน ทั้งเรื่องโต๊ะจีนเลี้ยงแขกที่ญาติเจ้าบ่าวมากันมากจนทำให้อาหารล่ม ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และยังมีเรื่องของซองที่แขกมาช่วยงาน แม่เจ้าบ่าวก็นำกลับไป ทำให้แม่ของตนต้องนำเงินค่าสินสอดมาจ่ายค่าโต๊ะจีน และเมื่อตนกลับอยู่ที่บ้านของเจ้าบ่าวครบตามประเพณีคือ 3 วัน  ก็ขอกลับมาทำงานและขอกลับมาอยู่บ้านก่อนเพราะตนเองนั้นต้องทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัวและก็ใช้หนี้ที่ตนเองมีอยู่ ขอมาทำงานให้จนครบสิ้นเดือนจากนั้นจะกลับไปอยู่ที่บ้านเจ้าบ่าว ในวันนั้นเจ้าบ่าวก็มาส่งให้ที่บ้านและเจ้าบ่าวได้ส่งข้อความมา สอบถามเรื่องเงินและก็พูดชวนทะเลาะ พูดถึงเรื่องภรรยาเก่า ว่ามาในงานด้วย ซึ่งตรงนี้ตนยอมรับว่าโมโหมาก ไม่ได้มาพูดให้ฟังเพราะมันเป็นเรื่องวันงานของเรา และมีการพูดคุย ในเรื่องของค่าสินสอด ซึ่งตนก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ก็เลยทะเลาะกัน จึงตัดปัญหา ว่าจะคืนเงินให้ 50,000 บาทแล้วจบ แต่พอมานั่งคิดดู เราเป็นผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย ทั้งไปอยู่บ้านเจ้าบ่าว และที่ผ่านมา เงินสินสอดนี้ เป็นเงินที่ตนจะต้องได้เพราะเป็นค่าเลี้ยงดูของคุณแม่ ซึ่งเป็นไปตามประเพณีและการตกลงระหว่างผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันว่าจะไม่คืนเงินค่าสินสอดทั้งหมดรวมถึงทอง 2 บาทด้วยและทั้งนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตาม กระบวนการของกฎหมายต่อไป เนื่องจากทางฝ่ายผู้ชายมีการโพสต์รูปโดยที่ไม่ปกปิดใบหน้าทั้งตนเองและคุณพ่อคุณแม่สร้างความเสื่อมเสีย สร้างความเสียหายให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก อีกทั้ง สังคมก็ได้ประณามตน รถทัวร์มาลงหน้าบ้าน ทำให้ตนเองอับอายเป็นอย่างมากตรงนี้ตนต้องขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่กลับ ไปใช้ชีวิตคู่กับเจ้าบ่าวอีกแล้ว และตนไม่ได้เป็นมิจฉาชีพที่ถูกกล่าวอ้าง ไม่ได้จัดงานแต่งและเชิดสินสอดตามที่เป็นข่าว