ห้องข่าวภาคเที่ยง - หลังจากที่ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย หรือนายวัฒนา ภู่โอบอ้อม นักสนุกเกอร์ชื่อดัง ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเพื่อยืนยันตัวตนว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด และคดีฟอกเงิน โดยโอนไปรวม 10 ครั้ง จำนวนเงิน 3.2 ล้านบาท จนนำไปสู่การออกหมายจับเจ้าของบัญชีม้าที่รับโอนเงินไป 10 คน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว พลตำรวจเอก สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เชิญ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย มาพูดคุยและเพื่อเตือนประชาชน โดยต๋องเล่าเหตุการณ์ว่า มิจฉาชีพคนที่ 1 จะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย โทรศัพท์หา แจ้งว่าค้างชำระบัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย หากไม่ได้ใช้บัตรเครดิต แสดงว่ามีบุคคลอื่นนำบัตรเครดิตไปใช้ และแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ และต่อสายโทรศัพท์ให้คุยกับมิจฉาชีพคนที่ 2 ซึ่งอ้างตนเองว่าเป็น พันตำรวจเอก เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ แต่เนื่องจากเห็นว่า ไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความ ระหว่างนั้นมิจฉาชีพคนที่ 3 ใช้บัญชีไลน์ ชื่อ สภ.เมืองนครสวรรค์ ส่งบัตรประจำตัว พันตำรวจเอก เสฎฐวุฒิ มาให้ดูและแจ้งด้วยว่านายวัฒนา เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและฟอกเงิน พร้อมส่งบัญชีธนาคารของนายวัฒนา มาให้ตรวจสอบและแจ้งว่าได้ขายสมุดบัญชีธนาคารที่ไม่ได้ใช้แล้วให้บุคคลอื่นในราคา 50,000 บาท และมีเงินจำนวน 850,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการขายยาเสพติดโอนเข้ามาในสมุดบัญชี หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ต้องโอนเงินมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดใด ๆ จะโอนเงินคืน นายวัฒนา หลงเชื่อจึงโอนเงินจากบัญชีธนาคาร 5 บัญชี จำนวน 10 ครั้ง เข้าบัญชี 2 บัญชี คือของนางสาวสุดารัตน์ และนางสาวชนกานต์ รวมเป็นเงินกว่า 3.2 ล้านบาท ให้มิจฉาชีพไป
คดีที่เกิดขึ้น ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาบัญชีม้าแถวแรกได้แล้ว พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีม้าแถวที่ 2-4 และออกหมายเรียกผู้ต้องหารวมทั้งหมด 11 คน ซึ่งจะนัดหมายให้มารายงานตัว ในวันที่ 29 พฤษภาคม และยังได้สอบปากคำ พันตำรวจเอก เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำไปกล่าวอ้างในการหลอกลวง ต๋อง ศิษย์ฉ่อย โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกับผู้เสียหายแต่อย่างใด
