แจ้งข้อหาอดีตสามี แอม ไซยาไนด์ ทำลายพยานหลักฐาน จ.นครปฐม

View icon 106
วันที่ 13 พ.ค. 2566
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา อดีตสามี "แอม ไซยาไนด์" ที่เป็นตำรวจ เพิ่มอีก ข้อหาทำลายพยานหลักฐาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผย พาพยานคนสำคัญ พบ "แอม ไซยาไนด์" วันนี้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ชี้ไม่ใช่การกล่อม เชื่อพยานหลักฐานชัดเจน เอาผิดได้แน่นอน

เมื่อช่วงค่ำวานนี้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมทีมสืบสวนสอบสวน ที่ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อเร่งรัดสำนวนคดี แอม ไซยาไนด์ โดยมีการนำตัวพยานที่เกี่ยวข้องนับ 10 ปาก มาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งพยานปากสำคัญที่นำกระเป๋าของก้อย เหยื่อรายสุดท้ายมามอบให้กับตำรวจ

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า พยานปากสำคัญรายนี้ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์และที่มาของหลักฐาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพยานกับแอมอย่างชัดเจน ทำให้ตำรวจสามารถไล่พยานหลักฐานตรงกับช่วงระยะเวลาได้อย่างไร้จุดอ่อน

โดยในช่วงสายของวันนี้ จะนำตัวพยานปากสำคัญรายนี้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแอม ซึ่งแอมได้บันทึกรายชื่อของเพื่อนคนนี้ ส่งให้ทัณฑสถานหญิงกลางอนุญาตให้เยี่ยมได้ตลอดเวลา โดยจะเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พูดจาหารือกัน แต่นี่จะไม่ใช่การกล่อมให้รับสารภาพ เพราะหลักฐานที่ตำรวจมีในขณะนี้ มัดแน่นจนไม่ต้องมีคำรับสารภาพ ก็สามารถดำเนินคดีกับแอมได้

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนแอมจะเปลี่ยนทนายความหรือไม่นั้น ก็เป็นผลที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับตัวแอม แต่ไม่เกี่ยวกับสำนวนคดี และไม่ว่าจะเปลี่ยนทนายอีกกี่คน ก็ไม่ทำให้การทำงานของตำรวจยากลำบากแต่อย่างใด

นอกจากนั้น ในเรื่องของคนใกล้ชิด ซึ่งจะเกี่ยวข้องอีกส่วน ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีในลำดับต่อไป โดยในวันพุธที่ 17 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ น่าจะขมวดสำนวนเพื่อส่งฟ้องได้บางส่วน และอยากย้ำเตือนให้ผู้เกี่ยวข้องที่รู้ตัวว่ามีส่วนร่วม หรือเก็บพยานหลักฐานในคดีของแอมไว้ให้ นำมาส่งมอบให้กับตำรวจ และให้การในฐานะพยาน เพื่อความบริสุทธิ์ใจ

สำหรับในวันนี้ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ รองอ๊อฟ ซึ่งเป็นอดีตสามีของแอมที่เป็นตำรวจระดับรองผู้กำกับการสอบสวน ฐานทำลายพยานหลักฐานในคดี ส่วนข้อหาอื่น ๆ นั้นจะทยอยแจ้งในภายหลัง เช่นเดียวกับคนที่พยายามอำพรางซ่อนเร้นหลักฐานในคดีนี้ ซึ่งตอนนี้ตำรวจรู้ตัวทั้งหมดแล้ว

เช่นเดียวกับกลุ่มโรงงานที่ครอบครองไซยาไนด์ โดยล่าสุดตำรวจได้เข้าค้นทุกโรงงานเป้าหมายครบ 54 แห่งแล้ว จากนี้ไปจะแยกสำนวนคดี และดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่กำกับดูแล จนทำให้เกิดปัญหาสารพิษอันตรายหลุดออกนอกระบบ