อัยการฟ้องแล้ว 6 ตำรวจ รีดเงินดาราสาวไต้หวัน เเลกไม่ดำเนินคดีบุหรี่ไฟฟ้า

View icon 105
วันที่ 31 มี.ค. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อัยการฟ้องแล้ว 6 ตำรวจ ตั้งด่านรีดเงินดาราสาวไต้หวัน 2.7 หมื่นบาท เเลกไม่ดำเนินคดีบุหรี่ไฟฟ้า ศาลนัดสอบคำให้การ 18 เม.ย.นี้ ขณะที่ รองโฆษก อสส. ชี้ โทษสูงสุดคุกตลอดชีวิต

ความคืบหน้า ตำรวจ สน.ห้วยขวาง 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบฯ กรณี อัน อวู๋ชิง หรือ ชาลีน อัน ดาราสาวไต้หวัน โพสต์แฉในโซเชียลถูกตำรวจไทยรีดไถเงินรวม 27,000 บาทนั้น

ล่าสุดวันนี้ (31 มี.ค.66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ภายหลังจากอัยการรับสำนวนคดีดังกล่าวจากพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการทุจริต และได้พิจารณาสำนวนโดยละเอียดครบถ้วนแล้ว วันนี้นายรชต พนมวัน อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายปราบปรามทุจริต 3 มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 คนเสนอผู้บังคับบัญชา และยื่นฟ้องทั้งหมดเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท.54/66 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ , เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่วาการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และขอศาลสั่งริบเงินสินบน จำนวน 27,000 บาท ที่ผู้ต้องหาทั้ง 6 ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการคดีนี้ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

โดยศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งประทับรับฟ้อง เเละนัดสอบคำให้การวันที่ 18 เม.ย.นี้ เวลา 9.30 น. ซึ่งจำเลยยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป

นายโกศลวัฒน์ รองโฆษกอัยการ ยังระบุอีกว่า มาตรา 149 ตามประมวลกฎหมายอาญา ได้ระบุเอาไว้ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต