จ่อหมายจับแก๊ง ตร. อุ้มนักธุรกิจชาวจีนพร้อมล่ามสาว รีดทรัพย์

View icon 77
วันที่ 21 มี.ค. 2566
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นักธุรกิจชายชาวจีนถูกอุ้มไปรีดทรัพย์พร้อมกับล่ามสาว ในพื้นที่ สน.ดินแดง บังคับให้โอนเงินสกุลดิจิทัล 30,000 USDT พบว่ามีตำรวจ สตม. เอี่ยวด้วย ล่าสุดจับได้แล้ว 3 ราย ยังให้การปฏิเสธ

จากกรณีที่มีหญิงชาวไทย มีอาชีพเป็นล่ามแปลภาษาจีน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รูปพรรณสัณฐานคล้ายตำรวจ 5-6 คน อุ้มตัวขึ้นรถไปรีดค่าไถ่ในพื้นที่ สน.ดินแดง

ผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจาก นายตี้หลุง (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี ชาวจีน ให้เดินทางมาพบที่บ้านพักของ นายตี้หลุง ในซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยนายตี้หลุง อ้างว่าจะให้เดินทางไปเป็นเพื่อนเพื่อทำธุรกรรมด้านการต่ออายุหนังสือเดินทางและวีซา ที่ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ พอตนเดินทางมาถึงตามนัดหมาย ปรากฏว่ามีเพื่อนชายชาวจีนของนายตี้หลุง ซึ่งตนไม่ทราบชื่อและนามสกุล ขับรถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อรุ่น มารับ พาตนและนายตี้หลุง ไปยังที่หมาย เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินธุรกรรมได้ เนื่องจากเอกสารของนายตี้หลุง ไม่ปกติ ซึ่งตอนนั้นตนเริ่มเอะใจแล้ว จึงตัดสินใจว่าจะเดินทางกลับมาตั้งหลักกันก่อน โดยมีเพื่อนนายตี้หลุง ขับรถยนต์มาส่งที่บ้านพักของนายตี้หลุง เช่นเดิม

แต่เมื่อเดินทางมาถึงซอยประชาสงเคราะห์ 2 ระหว่างเดินลงจากรถเข้าบ้าน ปรากฏมีชายฉกรรจ์รูปพรรณสัณฐานคล้ายตำรวจ มารออยู่แล้ว จำนวน 5 คน ทั้งหมดโดยสารยานพาหนะรถยนต์ มาด้วยกัน 3 คัน จากนั้น นายตี้หลุง และตนก็ถูกอุ้มขึ้นรถไปคนละคัน โดยมีเพื่อนของนายจี้หลุง ขับตามประกบเป็นขบวน ออกจากซอยบ้านพัก ทั้งสิ้นรวม 4 คัน ระหว่างที่อยู่บนรถนั้น ตนถูกชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจสอบถามถึงที่มาที่ไปว่ารู้จักกับนายตี้หลุง ได้อย่างไร ตนก็ตอบไปตามตรงว่ารู้จักกันมาได้ ราว 1 ปี ในฐานะล่ามแปลภาษา

จากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็พาตนและนายตี้หลุง ขับรถไปวนบนถนนเส้นแจ้งวัฒนะ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก่อนที่ทั้งหมดจะขับรถพาตนและนายตี้หลุง มาปล่อยทิ้งไว้ที่ซอยประชาสงเคราะห์ 2 ในช่วงใกล้ค่ำ

หลังจากนั้น นายตี้หลุง ยอมรับกับตนว่า มาอยู่ในประเทศไทย โดยมีเพื่อนชายชาวจีนคนดังกล่าว แนะนำช่องทางให้สวมบัตรประชาชนคนไทย จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุเพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่า วีซ่ากับหนังสือเดินทางมีปัญหาใกล้หมดอายุ ให้เดินทางไปทำด้วยกันที่หน่วยงานรับผิดชอบ ย่านถนนแจ้งวัฒนะ นายตี้หลุง จึงไหว้วานให้ตนเดินทางไปด้วย จนเป็นที่มีของการถูกอุ้มขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่

โดยระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่บนรถ มีชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ ข่มขู่ว่า นายตี้หลุง จะต้องรับโทษฐานปลอมแปลงบัตรประชาชน จึงขอเรียกค่าไถ่ เป็นเงินคริปโต จำนวน 60,000 USDT เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพ แต่ นายตี้หลุง ขอต่อรองครึ่งหนึ่ง เหลือ 30,000 USDT ซึ่งคนร้ายก็ตอบตกลง นายตี้หลุง จึงประสานให้ทางบุตรชายโอนเงินให้ผ่านแอปพลิเคชัน Imtoken ไปที่บัญชีปลายทางซึ่งก็ไม่รู้เป็นของผู้ใด เมื่อกลุ่มคนร้ายตรวจสอบยอดเงินเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงยอมปล่อยตัวตนและ นายตี้หลุง ด้วยการขับรถมาส่งที่บ้าน หลังจากนั้น ตนก็ไม่สามารถติดต่อ นายตี้หลุง ได้อีก มารู้ข้อมูลอีกทีคือ เจ้าตัวได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรไทย กลับไปอยู่กับบุตรชายที่ประเทศจีนแล้ว

ซึ่งหลังตำรวจรับแจ้งความ ทางชุดคลี่คลายคดีได้ทำการเช็กประวัติ นายตี้หลุง แล้วพบว่า เจ้าตัวมีบัตรประชาชนคนไทย ชื่อ นายสาโรจน์ ทองค้าไม้ อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ เอาไว้ในความครอบครองและเคยใช้บัตรประชาชนดังกล่าว ทำธุรกรรมในประเทศไทย ซึ่งจะต้องตรวจให้ลึกถึงรายละเอียดว่า เจ้าของบัตรยังมีชีวิตหรือไม่ และบัตรประชาชนมาอยู่ในมือบุคคลต่างด้าวได้อย่างไร นอกจากนี้เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกจุดเกิดเหตุ ก็พบภาพรถต้องสงสัย 4 คัน และชายฉกรรจ์คนร้ายรวม 6 คน ก่อเหตุอุ้มล่ามสาว และ นายตี้หลุง ขึ้นรถไปจริงตามคำให้การ โดยผู้ต้องสงสัยชายฉกรรจ์ จำนวน 2 ใน 6 คน มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสารวัตร สังกัดสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 3 ราย เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยศพันตำรวจตรี เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกแยกสอบปากคำ และยังคงให้การปฏิเสธ ล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง นำเอกสารหลักฐานไปยื่นขออำนาจ ศาลอาญา ออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา ไม่น้อยกว่า 4 คน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีทั้งข้าราชการตำรวจ และพลเรือนร่วมอยู่ด้วย เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร 3 นาย และชั้นประทวน 1 นาย ขณะนี้อยู่ระหว่างขอหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ราย หลังได้รวบรวมพยานหลักฐานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดในข้อหา ร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตอนนี้สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 3 ราย มาสอบปากคำแล้ว ส่วนอีก 1 รายได้หลบหนีไป และตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยอาจมีคนชี้เป้าอีกคนเป็นคนไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง