เดนคุกเมาหนัก ชกต่อยเจ้าของร้านชำ พ่อมาช่วยเคลียร์เกือบโดนแทง อส.เข้าห้ามถูกแทงดับ

View icon 885
วันที่ 10 ม.ค. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (10 ม.ค.66) ค่ำวานนี้ ร.ต.อ.เดชา รามจันทร์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.หาดสำราญ ได้รับแจ้งเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดหน้าร้านขายของชำริมถนนทางเข้าศูนย์ราชการ อ.หาดสำราญ ห่างกับ สภ.หาดสำราญ เพียงแค่ 400 เมตร หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุประวิณ สมบัติศิริ ผกก. พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ต.ขวัญเจริญ ไกรทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ตรัง ร.ต.อ.ปณตพร ผลบุญ รอง สว.สส. กำลังชุดสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายเขียน เป็นสมาชิกอาสารักษาดินแดน หรือ อส. อ.หาดสำราญ ถูกแทงด้วยอาวุธมีดพกเข้าที่เหนือสีข้างขวา 1 แผล ไหล่ขวา 1 แผล หูซ้ายติ่งหูขาด 1 แผล และหลังใบหูซ้ายอีก 1 แผล รวมทั้งหมด 4 แผล ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 คน คือ นายเหมือน อายุ 60 ปี เจ้าของร้านค้าที่เกิดเหตุ ถูกกระแทกด้วยของแข็ง มีบาดแผลที่หน้าผาก และที่แขน และนายยุทธนา อายุ 39 ปี ผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่เหนือสะบักหลังซ้ายกระสุนฝังใน 1 นัด และแฉลบเข้าที่หลังหูด้านซ้ายอีก 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังรู้สึกตัว  เจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือลำเลียงผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บส่ง รพ.หาดสำราญ

ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบกองเลือดจำนวนมากเจิ่งนองอยู่ มีซองหนังใส่อาวุธปืนตกอยู่ 1 ซอง ไฟแช็ก 1 อัน รองเท้าทั้งของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตตกอยู่ 2 คู่ กุญแจรถและเงินของผู้เสียชีวิตตกอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ใกล้กันพบหัวกระสุนขนาด .38 ตกอยู่ 1 หัว อาวุธมีดพกพับด้าม 1 เล่มของผู้ก่อเหตุตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และยังคงพบขวดสุราตกอยู่ในสภาพสมบูรณ์ 1 ขวด ใกล้กันพบขวดแก้วสภาพแตกอีกจำนวน 1 ขวด ถัดออกไปบนถนนพบรถ จยย.สีดำ-เทา ของผู้ก่อเหตุจอดอยู่

จากการสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันมือมีดได้ดื่มเหล้าขาวมาจากที่อื่นก่อนแล้ว จากนั้นขับรถ จยย. มานั่งดื่มเหล้าขาวต่อเพียงคนเดียวที่ร้านดังกล่าว แต่บังเอิญมาพบเจอคนรู้จักก็ได้นั่งร่วมวงด้วยกัน 2 คน โดยผู้ก่อเหตุได้มานั่งที่ร้านค้าแห่งนี้เพียงครั้งแรก และเมาเต็มที่ ก่อนที่นายเหมือน (ผู้บาดเจ็บ) ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเข้ามาเห็นว่าผู้ก่อเหตุเมาหนักพูดจาเสียงดังและเอะอะโวยวาย จึงได้ห้ามปรามให้เบาอารมณ์และเสียงลง ก่อนที่นายเหมือนจะไปนอนที่เปลหน้าบ้าน ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจเข้าไปกระชากนายเหมือนจากเปล และมีการชกต่อยกันจนนายเหมือนบาดเจ็บ ส่วนผู้ก่อเหตุไปชนกับเสาทำให้ศีรษะแตก และคิดว่าภรรยาของนายเหมือนเข้ามาตีศีรษะ จึงพยายามจะมีปัญหากับภรรยานายเหมือนอีกคน

ก่อนที่นายเขียน พร้อมด้วยนายสมพร พ่อผู้ก่อเหตุและคนอื่นๆ จะเดินเข้ามาห้ามปราม ผู้ก่อเหตุจึงไปแจ้งความที่ สภ.หาดสำราญ ส่วนนายเหมือน ก็ได้ไปแจ้งความด้วยเช่นกันที่ถูกทำร้าย แต่ปรากฏว่าทางตำรวจยังไม่รับแจ้งความ โดยหวังว่าทั้งคู่น่าจะเคลียร์กันได้ และทั้งคู่ได้แยกย้ายออกจากโรงพัก ก่อนที่นายเหมือนและภรรยาหวาดกลัวได้ออกจากร้านไป กระทั่งผู้ก่อเหตุย้อนกลับมาที่ร้านอีกรอบ พร้อมกับถือขวานมาด้วย แต่ปรากฏว่านายเหมือนและภรรยาไม่อยู่แล้ว มีเพียงนายเขียนและนายสมพรนั่งอยู่เพื่อจะพูดคุยเคลียร์ปัญหาให้กับผู้ก่อเหตุ  ก่อนจะช่วยกันแย่งขวานออกมาจากมือได้ ทำให้ผู้ก่อเหตุอาละวาดอย่างหนักทำลายข้าวของภายในร้าน ซึ่งนายสมพรได้เข้าไปห้ามปราม แต่ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ และหาว่าพ่อจุ้นจ้าน พยายามใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวทำร้ายพ่อ นายเขียนจึงเข้าห้ามปราม และถูกผู้ก่อเหตุใช้มีดแทง ส่วนนายเขียนได้ใช้อาวุธปืนประจำกายที่พกติดตัวยิงสวนเข้าไป ก่อนทั้งคู่จะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จนเป็นเหตุให้นายเขียนเสียชีวิต

สอบถาม ลูกชายเจ้าของร้าน เล่าว่า คนก่อเหตุพูดตอนที่ศีรษะแตกว่าไม่เคยมีใครทำให้หัวแตกมาก่อน และหากไม่ติดคุกบางขวางไม่ยอมแน่ครั้งนี้ โดยผู้ก่อเหตุย้อนกลับมาที่ร้านค้าหลายรอบ

ขณะที่ บุตรบุญธรรมผู้ตาย กล่าวว่า พ่อเป็นคนดีชอบช่วยเหลือสังคม พ่อเข้าไปห้ามปราม กลับมาถูกแทงเสียชีวิต รู้สึกเสียใจช่วยพ่อไม่ได้ หลังจากจบ ม.6 ก็จะไปสอบเรียนแพทย์ เพราะเห็นตอนพ่อกำลังจะสิ้นใจ อยากจะช่วยชีวิตคนอื่นให้ได้ ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเองเคยฆ่าคนตายมาแล้ว 2 ศพ พ้นโทษออกมาก็ยังไม่สำนึกยังมีนิสัยเดิม ก่อเหตุซ้ำอีก อยากให้กฎหมายมีความเข้มแข็งกว่านี้

ทั้งนี้ จากการพลิกแฟ้มประวัติคดีอาญา พบว่านายยุทธนา หรือย้อย ผู้ก่อเหตุ เมื่อครั้งยังเป็นเยาวชนเคยก่อเหตุและต้องคดีฆ่าผู้อื่นเสียชีวิต 1 คน ต่อมาในปี พ.ศ.2555 ได้ก่อเหตุต้องคดีฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นด้วยอาวุธมีดมีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บสาหัส 1 คน ซึ่งทั้ง 2 คดีเกิดขึ้นในพื้นที่ของ สภ.หาดสำราญ จนกระทั่งถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ และพ้นโทษมาเมื่อปี 2565 โดยที่ยังไม่ทันได้ครบหนึ่งปีจนกระทั่งมาก่อเหตุสลดดังกล่าวเป็นศพที่ 3 ด้วยอาวุธมีดด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจอยู่ในระหว่างการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และจะทำการตรวจปัสสาวะผู้ก่อเหตุว่ามีการยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามขบวนการกฎหมาย ส่วนศพได้มอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง