กลุ่มผู้เสียหายชี้รูปยืนยันตัว นายทหารเมากร่าง จ.นนทบุรี

View icon 88
วันที่ 6 ธ.ค. 2565
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกชายอ้างตัวว่าเป็นทหารยศพลตรีกร่าง สั่งให้วิดพื้นและเข้ามาทำร้ายร่างกาย แถมยังข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิต เหตุเพราะโมโหที่กลุ่มผู้เสียหายไม่แสดงความเคารพ เข้าพบตำรวจชี้ตัวผู้ก่อเหตุ ระบุ เคยรู้จักผู้ก่อเหตุเนื่องจากเป็นลูกค้าเก่าที่ร้าน แต่ไม่ได้สนิทกัน

จากเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งได้ไปนั่งรับประทานอาหารและดื่มสุรากันภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณใต้ทางด่วนงามวงศ์วาน ถนนสามัคคี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี ถูกกลุ่มชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นทหาร ยศพลตรี มีอาการคล้ายกับคนเมาสุรา เดินเข้ามาหาเรื่องที่โต๊ะ ก่อนจะออกคำสั่งให้วิดพื้น ฐานไม่ให้ความเคารพนายทหาร แต่กลุ่มผู้เสียหายไม่ทำ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น จากนั้นก็มีการข่มขู่และปรี่เข้ามาตบหัวผู้เสียหายชายคนหนึ่ง และพยายามล็อกคอออกไปนอกร้าน ทำให้เจ้าของร้านและผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต้องเข้ามาห้ามปราม โดยหลังเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางเข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์

เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) ผู้เสียหายจำนวน 5 คน ได้เดินทางเข้ามาที่โรงพัก เพื่อยืนยันตัวผู้ก่อเหตุว่าบุคคลในภาพเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุหรือไม่

ชายอายุ 30 ปี บอกว่า วันเกิดเหตุตนเองได้ถูกชายที่อ้างเป็นทหาร ยศพลตรี กระชากคอเสื้อจนไปกระแทกกับเสา และยังมีแผลที่คอจากการถูกเล็บหรือสายคล้องหน้ากากอนามัยบาด ตนเองยอมรับว่า เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน เนื่องจากเป็นลูกค้าเก่าที่ร้านอาหารของตน ซึ่งในคืนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้โวยวาย เรียกให้ตนไปหา แต่ตนไม่ไป เพราะเห็นว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการเมา อีกทั้งก็เห็นว่าไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากนี้หากต้องการไกล่เกลี่ยผู้เสียหายทั้งหมดก็ยินดี แต่ขอไปไกล่เกลี่ยที่กระทรวงยุติธรรมเท่านั้น

เบื้องต้น ตำรวจสามารถระบุตัวตนของผู้ก่อเหตุได้แล้ว พบว่าเป็นนายทหารจริง ยศพันเอกพิเศษ อายุ 50 ปี ตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการประจำ ซึ่งเจ้าตัวได้มีการติดต่อมาทางพนักงานสอบสวนแล้ว

ด้าน พันตำรวจโท ทองรชฎ เหรียญสุวงษ์ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สภ.รัตนาธิเบศร์ ระบุว่า จากกรณีที่ตนเองถูกนายทหารยศพันเอกพิเศษ นำชื่อไปแอบอ้างกลางร้านอาหารที่เกิดเหตุ ซึ่งโดยปกติแล้วหากใครที่เรียนจบโรงเรียนเตรียมทหาร ก็จะมีรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือเพื่อนที่เป็นทหารอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ตนก็รู้จักกับผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ และเวลาออกตรวจจะเจอเขาที่ร้านดังกล่าวบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่ได้สนิทหรือไปเที่ยวด้วยกัน คืนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์เข้ามาจริง แต่ไม่ได้รับสายเพราะเห็นว่าดึกแล้ว ซึ่งตนขอพูดในฐานะที่เป็นตำรวจว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหลังจากนี้จะเชิญทั้ง 2 ฝ่าย เข้ามาพูดคุยและเจรจากัน ส่วนในเรื่องของคดีก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง