สื่อสองโลก
สื่อสองโลก
 

สื่อสองโลก

ละครก่อนข่าว จันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.45 น.

บทประพันธ์ : แก้วเก้า บทโทรทัศน์ : คงกะพัน ไชยมะโน / พิชญ อยู่เป็นแก้ว / ชลวิชฐ์ จิรายุเจริญศักดิ์

วรากร ศวัสกร,ปาณิชดา แสงสุวรรณ,บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์,จาด้า อินโตเร,ณรงค์ฤทธิ์ รัตนภักดี,พรสวรรค์ มะทะโจทย์,ช้องมาศ บางชะวงษ์,วรางคนาง วุฑฒยากร

เรื่องย่อสื่อสองโลก

ปลายจันทร์  สาวห้าวที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยวัยยี่สิบต้นๆ  จิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทว่ากลับคิดอยู่เสมอว่าสำหรับครอบครัวเธอแล้ว ต่อให้เธอจะทำดีแค่ไหน เธอก็ยังดีได้ไม่เท่าพี่ชายคนโต ต้นกล้า หนุ่มนักธุรกิจหัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว และ  กลางใจ  พี่สาวคนกลางแอร์โฮสเตสสุดสวยที่เก่งไปเสียทุกอย่าง  ไม่มีใครสนใจน้องสาวคนสุดท้องจอมแก่นอย่างเธอ  ที่แม้แต่ชื่อยังตั้งว่า ปลายจันทร์ ซึ่งสำหรับเธอฟังดูเป็นอะไรที่เหมือนปลายแถวมากกว่า  แถมเรียนจบแล้วเธอก็ยังหางานทำไม่ได้สักที  ต้องรับจ็อบเป็นแมสเซนเจอร์คอยขับรถไปเก็บเงินจากลูกค้าของร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ที่พ่อของเธอเป็นเจ้าของ  เมื่ออยู่บ้านก็ต่อล้อต่อเถียงกับ อากง ที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่เธอทำเลยสักอย่าง  ทั้งหมดนี้ยิ่งตอกย้ำให้ปลายจันทร์รู้สึกว่าทุกคนในครอบครัว “ไม่มีใครรักและใส่ใจ” เธอเลยสักคน

แต่แล้ววันหนึ่ง  ปลายจันทร์ได้เดินทางไปปฏิบัติธรรมในวันออกพรรษาที่สำนักชีบนเขาตามคำชวนของ อุ้ง เภสัชกรสาวที่เป็นเพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเด็ก  อุ้งผู้ซึ่งเป็นคนกลัวผีอย่างมาก  แต่ฟ้ากลับบันดาลให้เธอมีความสามารถในการได้ยินเสียงเรียกจากวิญญาณอยู่เสมอซะอย่างงั้น

ที่สำนักชีนั้นเกิดเรื่องราวประหลาดขึ้น เมื่อปลายจันทร์ได้พบกับ ตาอ่อง ชายแก่คนคุ้นเคยที่ปลายจันทร์ช่วยเหลือดูแลเวลาเจ็บป่วย  ตาอ่องพาเธอไปดูพิธีตักบาตรเทโวโรหณะ  แต่นั่นไม่ใช่พิธีทั่วไปของโลกมนุษย์ แต่เป็นพิธีตักบาตรเทโวโรหณะตอนสองยาม  ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเป็นพิธีของโลกวิญญาณนั่นเอง ที่นั่น ปลายจันทร์ได้เห็นโลกทั้งสามคือ สวรรค์ นรก และโลกมนุษย์ในเวลาเดียวกัน

ตาอ่องขอร้องให้ปลายจันทร์ช่วยเป็นแมสเซนเจอร์นำสร้อยพระเครื่องของตนที่เก็บซ่อนไว้  ไปให้หลานชายที่ชื่อ โอ่ง ที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพ ปลายจันทร์คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่หนักหนาอะไรจึงรับปากช่วย แต่เมื่อปลายจันทร์ไปเอาสร้อยพระที่บ้านตาอ่องจึงได้รู้ความจริงว่าตาอ่องเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่หลายวันก่อน ตาอ่องที่คุยกับเธอบนเขาคืนนั้นคือ วิญญาณของตาอ่องที่ตายไปแล้ว!  ปลายจันทร์ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง  แต่ก็ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้  เธอได้แต่ยอมรับและรับผิดชอบเป็นธุระให้ตาอ่องตามที่ได้รับปากไว้  ปลายจันทร์จึงมุ่งหน้าเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปหาหลานชายตาอ่อง

เมื่อไปถึงเวดดิ้งสตูดิโอที่ทำงานของโอ่ง  เรื่องเข้าใจผิดก็เกิดขึ้น  เมื่อปลายจันทร์เข้าใจว่า กรวีร์ ชายหนุ่มช่างภาพเจ้าของสตูดิโอเป็นหลานชายตาอ่อง จึงรู้สึกไม่พอใจที่เขาไม่ดูแลตาอ่องให้ดีกว่านี้ทั้งๆที่เป็นคนรวยมีฐานะ แถมกรวีร์ยังมีท่าทีกวนประสาท เธอจึงพยายามรีบยัดเยียดสร้อยพระคืนให้เขา  ส่วนทางด้านกรวีร์ก็คิดว่าปลายจันทร์เป็นพวกสิบแปดมงกุฏจึงไม่ยอมรับสร้อยพระ  ทั้งคู่ทุ่มเถียงกันจนปลายจันทร์ชกกรวีร์เข้าให้  กัลยาพร แม่ของกรวีร์เข้ามาช่วยห้ามทัพ  กว่าเจรจากันรู้เรื่องว่า โอ่ง หรือชื่อจริงว่า ทวี ซึ่งเป็นหลานชายของตาอ่องเป็นคนสวนของสตูดิโอนี้  ไม่ใช่กรวีร์อย่างที่ปลายจันทร์เข้าใจ ปลายจันทร์จึงรีบเอาสร้อยพระคืนให้กับโอ่ง  ก่อนที่จะรีบหนีออกมาจากบ้านนั้นด้วยความอับอาย  และตั้งมั่นว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก ทว่าเธอคิดผิด...

ปลายจันทร์เดินทางกลับมาหาวิญญาณตาอ่องที่สำนักชีเพื่อบอกว่า  ได้จัดการธุระที่ทำให้วิญญาณของตาอ่องยังมีห่วงอยู่เสร็จสินแล้ว  แต่เหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งเมื่อปลายจันทร์ได้พบกับ ชมพร วิญญาณที่ดูเศร้าหมองเพราะต้องการจะยกเงินในบัญชีที่เธอเก็บไว้ให้กับลูกสาวคนสุดท้องซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  นั่นก็คือกัลยาพรแม่ของกรวีร์นั่นเอง  แม้ปลายจันทร์จะไม่อยากรับงานนี้  แต่ก็ต้องรับไว้เพราะสงสารวิญญาณชมพรที่ไม่สามารถไปสู่สุขคติได้  ปลายจันทร์จึงบากหน้าเดินทางกลับเข้ากรุงเทพเพื่อไปพบกัลยาพร  และแน่นอนที่เธอจะต้องพบกับกรวีร์  ชายหนุ่มที่เธอหมั่นไส้จนอยากจะต่อยหน้าเค้าอีกหลายๆครั้ง

การเดินทางไปพบกัลยาพรคราวนี้  ปลายจันทร์ พาอุ้ง และ ซัน ลูกพี่ลูกน้องของปลายจันทร์ พนักงานธนาคารสุดงก  ผู้หายใจเข้าออกเป็นเงินทอง  ช่วยขับรถพาปลายจันทร์มาที่สตูดิโอของกรวีร์ด้วย   เมื่อปลายจันทร์เล่าเรื่องราวทั้งหมดของชมพรให้ฟัง  กัลยาพรเหมือนจะเชื่อสิ่งที่ปลายจันทร์พูดแล้วแต่ถูกกรวีร์ห้ามไว้  หาว่าปลายจันทร์กับเพื่อนเป็นนักต้มตุ๋นและไล่ทุกคนกลับไป  ยิ่งทำให้ปลายจันทร์ไม่ชอบหน้ากรวีร์เข้าไปใหญ่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  ได้แต่ล่าถอยกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้านปลายจันทร์ต้องแปลกใจที่พ่อแม่และอากงต่างพูดจาเอาใจเธอ แถมทำอาหารเตรียมไว้ให้อย่างดี  จนกระทั่งได้รู้ว่าที่บ้านของเธอชวน ป้องเกียรติ ร้อยตำรวจเอกหนุ่มรูปหล่อลูกเศรษฐีใหญ่ประจำจังหวัดที่เพิ่งได้ย้ายกลับมาประจำที่บ้านให้มาดูตัวเธอนั่นเอง ปลายจันทร์ไม่พอใจอย่างมาก  เพราะแค่การเป็นคนที่ครอบครัวไม่รักก็แย่พอแล้ว  แต่นี่ยังต้องโดนบังคับให้ดูตัวกับคนแปลกหน้าอยู่เสมอ  แต่ป้องเกียรติดูจะถูกชะตาปลายจันทร์อยู่ไม่น้อย  หลังจากป้องเกียรติกลับไป ปลายจันทร์ทะเลาะกับอากงที่อยากให้หลานเป็นฝั่งเป็นฝา  ทั้งยังบ่นเรื่องเข้ากรุงเทพฯ บ่อยไม่ยอมอยู่บ้านและจะบังคับให้เธอแต่งงานให้ได้  โดยยื่นคำขาดว่าถ้าปลายจันทร์ไม่ยอมแต่งงาน  อากงจะตัดหลานและจะไม่ยกมรดกให้ ยิ่งทำให้ปลายจันทร์ทั้งโกรธทั้งน้อยใจหนักเข้าไปอีก

วันรุ่งขึ้น ปลายจันทร์แวะไปหาอุ้งที่ร้านขายยาเพื่อบ่นให้เพื่อนฟัง ที่ร้านขายยาได้เจอ ซันลูกพี่ลูกน้องและลูกไล่ของปลายจันทร์กำลังซื้อยาที่ร้านอยู่พอดี ทั้งสามเลยออกมากินข้าวด้วยกัน ระหว่างที่กินข้าวอยู่นั้นเอง ได้เจอกรวีร์ที่กำลังเซ็งหนัก  กรวีร์เล่าให้ทุกคนฟังว่ากัลยาพรตามไปสืบจนเจอเงินบัญชีตามที่ปลายจันทร์เคยเล่าไว้จริง แต่ธนาคารต้องการใบมรณบัตรของชมพรเพื่อเป็นหลักฐานในการถอนเงิน  ซึ่งใบมรณบัตรนั้นอยู่ที่ กุณฑล พี่สาวคนโตสุดเค็มของกัลยาพร  กัลยาพรเลยต้องกลับมาบ้านที่นี่  และโดนกุณฑลหลอกให้ซื้อของต่างๆให้เพื่อแลกกับเอกสาร  แต่แล้วกุณฑลก็ยังไม่ยอมให้ใบมรณบัตรเสียที 

อุ้งและซันจึงเสนอไอเดียที่จะเอาใบมรณะบัตรมาให้ได้  ด้วยการให้กรวีร์พากุณฑลกับกัลยาพรไปที่สำนักชี ที่ที่ปลายจันทร์ได้เจอกับวิญญาณชมพร  โดยให้ปลายจันทร์แกล้งทำเป็นร่างทรงของชมพรเพื่อสั่งกุณฑลให้มอบใบมรณะบัตรให้  ทั้งหมดเห็นพ้องกัน  ยกเว้นปลายจันทร์ที่ไม่ชอบหลอกใคร  แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเล่นตามแผน

ทว่า พอถึงเวลาจริงทุกอย่างกลับผิดคาดไปหมด เมื่อป้องเกียรติ ที่ดันมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของกรวีร์ดันเดินทางมากับพวกกรวีร์ด้วยในตอนที่กรวีร์กับแม่จะไปรับกุณฑลมาจากบ้าน  ด้วยสัญชาติญาณของตำรวจ ป้องเกียรติจึงจับไต๋เปิดเผยแผนเข้าทรงของซัน อุ้ง และกรวีร์ได้  แต่ตกใจที่เห็นว่าปลายจันทร์มีส่วนร่วมด้วย  ทางปลายจันทร์เองก็เพิ่งรู้ว่าป้องเกียรติเป็นญาติของกรวีร์  กุณฑลโกรธมากจะให้ป้องเกียรติจับทุกคนเข้าคุกให้หมด  แต่ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณชมพรที่บอกปลายจันทร์เรื่องข้อมูลสำคัญระหว่างเธอกับลูกๆที่ไม่มีใครรู้  โดยเฉพาะพระสมเด็จที่ตั้งใจจะยกให้ป้องเกียรติหลานรัก  ทำให้เรื่องราวกลับตาลปัตร  กุณฑลที่งมงายอยู่แล้วได้ยินเข้าก็เชื่อสนิทใจว่าวิญญาณแม่ของเธออยู่ตรงนั้น  ทำให้เกิดกลัวความผิดที่ฮุบสมบัติหลาน  วิ่งหนีเตลิดหายไปในป่าทั้งๆ ที่มืดแล้ว  ทุกคนพยายามจะช่วยกันค้นหาแต่ก็หาไม่เจอ  อีกทั้งยังทำให้ปลายจันทร์กับกรวีร์พลัดหลงป่าไปด้วยอีกคู่

ระหว่างหลงป่า  ปลายจันทร์กับกรวีร์ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น  ปลายจันทร์ได้รู้ว่ากรวีร์ไม่ได้มีชีวิตสุขสบายแบบลูกคนรวยอย่างที่เธอคิด   แต่เขาต้องดิ้นรนด้วยฝีมือตัวเองอย่างอยากลำบากกว่าจะลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้  ส่วนตัวกรวีร์เองที่ตอนนี้ก็เชื่อแล้วว่าปลายจันทร์ติดต่อวิญญาณได้จริง  ก็เพิ่งเข้าใจว่าปลายจันทร์ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์ ทั้งคู่หลงป่าอยู่พักใหญ่  ปลายจันทร์ก็คิดขึ้นมาได้ว่าควรใช้ความสามารถติดต่อวิญญาณของเธอขอความช่วยเหลือจากเจ้าป่าเจ้าเขา  แต่อธิษฐานเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทั้งคู่เริ่มหมดแรง  จู่ๆ กรวีร์เริ่มร้องเพลงด้วยเสียงแตกๆ เพี้ยนๆ เพื่อปลุกใจไม่ให้หวาดกลัวความมืดและสิ่งรอบข้าง  แล้วก็ดันเป็นผลเมื่อเจ้าป่าออกมาปรากฎตัวเพราะทนหนวกหูเสียงร้องเพลงเพี้ยนๆ ของกรวีร์ไม่ไหว  

วิญญาณท่านเจ้าป่าเจ้าเขาอธิบายว่า  ที่ปล่อยให้ทั้งสองคนหลงป่าและไม่ออกมาช่วยแต่แรก  เพราะพวกปลายจันทร์ไม่รู้จักสัมมาคารวะ  ไม่กราบไหว้บูชาท่านในฐานะเจ้าที่เจ้าทาง  แถมด้วยตัวปลายจันทร์เองยังเล่นพิเรนทร์หลอกเจ้าเข้าทรงจึงอยากจะสั่งสอน  แต่เมื่อเห็นว่าปลายจันทร์คิดได้ก็พอใจแล้ว  จึงเลิกบังตาและเปิดทางออกจากป่าให้  กรวีร์กับปลายจันทร์ถามถึงคนอื่นๆ  จึงได้รู้ว่าทุกคนออกจากป่าไปได้หมดแล้ว  เหลือเพียงกุณฑลที่เจ้าป่าขอกักไว้อีกสามวันเพื่อสั่งสอนคนละโมบแทนชมพรสักหน่อย  ทั้งยังสำทับว่ากุณฑลจะไม่เป็นอันตราย  อีกทั้งยังมีชมพรคอยตามเฝ้าดูด้วยจึงไม่ต้องเป็นห่วง  ทั้งคู่จึงวางใจพากันลงจากเขามา

ที่สำนักชีที่ตีนเขา อุ้ง ซัน ป้องเกียรติและญาติคนอื่นๆ กำลังเป็นห่วงคนที่หลงป่าทั้งสามคน พอเห็นปลายจันทร์กับกรวีร์ลงมาได้ก็เบาใจลงแต่ก็ยังเป็นห่วงกุณฑล ปลายจันทร์กับกรวีร์ไม่กล้าบอกเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าป่า  เพราะคิดว่าจะทำให้เรื่องไปกันใหญ่  และตอนนั้นก็ดึกมากแล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

วันรุ่งขึ้น กรวีร์ไปรับปลายจันทร์ที่บ้านแต่เช้า ทั้งคู่นัดญาติๆ ของกุณฑลไว้เพื่อบอกความจริงเรื่องที่หลอกกุณฑลขึ้นไปบนเขา  ปลายจันทร์ขอโทษที่เป็นต้นคิดแผนนี้และยินดีรับผิดถ้าใครจะฟ้องร้องเอาความ  ทุกคนไม่มีใครติดใจเพราะรู้จักนิสัยกุณฑลดี  แถมแต่ละคนยังโดนกุณฑลเอาเปรียบกันมาแล้ว  ทางด้านป้องเกียรติเห็นปลายจันทร์กล้าทำกล้ารับจึงยิ่งนึกชอบเธอมากขึ้นไปอีก

หลังจากสารภาพความกันเสร็จ  กรวีร์คุยกับแม่ว่าจะต้องรีบกลับไปทำงาน  จำเป็นต้องหาช่างแต่งหน้าและลูกมือเพิ่มเพราะแม่ยังติดธุระทางนี้  ปลายจันทร์จึงเสนอตัวช่วยงานเพราะตัวเองแต่งหน้าเป็นและอยากจะหนีจากที่บ้านที่พยายามจะจับเธอคลุมถุงชน โดยระหว่างนั้นเธอจะไปพักอยู่ที่คอนโดกลางเมืองของกลางใจพี่สาวของเธอ

ระหว่างที่ทำงานด้วยกัน  กรวีร์แม้จะยังคอยแซวคอยกวนประสาทปลายจันทร์อยู่ตลอด  แต่ก็ทึ่งในตัวปลายจันทร์มากขึ้นเพราะลุยงานชนิดไม่มีบ่น  แถมฝีมือเรื่องแต่งหน้าก็ไม่ได้โม้  ส่วนปลายจันทร์เองก็สนุกที่ได้ทำงานอื่นบ้างสักที  จะรำคาญก็แต่กลางใจที่ดูเหมือนจะชอบหนุ่มหล่ออย่างกรวีร์จึงคอยถามถึงเรื่องกรวีร์บ่อยๆ  ในคืนวันที่สองหลังจากเสร็จงานที่สตูดิโอ  ปลายจันทร์ได้ยินเสียงฮัมเพลงลูกกรุงเก่าๆ จนจับได้ว่าเจ้าของเสียงเพลงนั้นคือวิญญาณ  เด่นเดือน อดีตนักร้องชื่อดังที่ตายตั้งแต่ยังสาว  ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่กรวีร์และกัลยาพรเช่าทำสตูดิโอนี่เอง  วิญญาณเด่นเดือนดีใจมากที่ปลายจันทร์สามารถสื่อสารกับวิญญาณอย่างเธอได้  เลยทั้งชวนคุยทั้งร้องเพลงให้ฟังเป็นการใหญ่  เพราะถือเป็นคนฟังคนแรกในรอบหลายปี

ครบสามวันตามกำหนดของเจ้าป่า กรวีร์กับปลายจันทร์กลับไปรับกุณฑลที่ชายป่า  พร้อมกับร่ำลากับชมพรที่บอกว่าตอนนี้กุณฑลคิดได้แล้ว  ลูกๆ ทุกคนก็กลับมารักใคร่ปรองดองเหมือนเดิมเธอจึงหมดห่วง  ปลายจันทร์ดีใจที่เรื่องยุ่งๆ จบลงเสียที  แต่ชมพรยิ้มและทิ้งท้ายว่ายังไม่จบหรอก ก่อนวิญญาณของชมพรจะสลายข้ามภพไป

ทางด้านกุณฑลฟื้นได้สติขึ้นมาที่โรงพยาบาลก็รีบบอกกัลยาพรว่าซ่อนใบมรณบัตรอยู่ที่ไหน  รวมถึงเคลียร์คดีเก่าๆ  ที่เอาเปรียบญาติทุกคนไว้จนหมด  เพราะตอนนี้กุณฑลคิดและกลับตัวได้แล้วหลังจากหลงป่าอยู่สามวัน ญาติๆ มอบเงินรางวัลที่ตั้งไว้สำหรับคนที่หากุณฑลเจอให้กับปลายจันทร์  กรวีร์ขอบคุณปลายจันทร์ที่ช่วยเหลือจนแม่ได้เงินมรดกตามที่ชมพรตั้งใจไว้  และออกปากว่าถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกได้  ปลายจันทร์บอกว่า มีแน่ แต่ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร  กรวีร์หวั่นใจว่าปลายจันทร์จะมาไม้ไหน

ปลายจันทร์พากรวีร์ไปที่บ้าน  บอกครอบครัวว่าเธอจะไปช่วยงานแฟนที่กรุงเทพฯ  ซึ่งแฟนของเธอคนนั้นก็คือกรวีร์นั่นเอง  กรวีร์ตกใจเพราะไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ก่อนว่าจะให้เล่นเป็นแฟนของปลายจันทร์  แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษที่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับปลายจันทร์จึงได้แต่เออออห่อหมกไป 

อากงเขม่นมองกรวีร์อย่างไม่ไว้วางใจ ขณะที่พ่อกับแม่ของปลายจันทร์ดูตกใจแกมงงงวยกับการเปิดตัวแฟนหนุ่มของลูกสาวอย่างสายฟ้าแลบ  ทั้งคู่ตั้งท่าจะซักไซ้ไล่เลียงว่ากรวีร์เป็นใครมาจากไหน รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยพามาแนะนำ ปลายจันทร์รีบตัดบทและบอกทุกคนว่าต้องรีบเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่เปิดโอกาสให้ครอบครัวได้ถามถึงเรื่องต่างๆ กรวีร์ทำหน้าไม่ถูก ก่อนจะบอกลาผู้ใหญ่แล้วออกจากบ้านไปพร้อมกับปลายจันทร์

ปลายจันทร์มาพักอยู่กับกลางใจที่คอนโด ทันทีที่เจอหน้ากัน กลางใจซึ่งทราบเรื่องแฟนของน้องจากที่บ้าน ก็รู้ได้ทันทีว่าปลายจันทร์กับกรวีร์ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ปลายจันทร์เถียงไม่ออกได้แต่ขอร้องกลางใจอย่าพึ่งบอกครอบครัว  กลางใจยอมตกลงช่วยแลกกับให้ปลายจันทร์เล่าเรื่องของกรวีร์มาให้หมดและแสดงความสนใจในตัวกรวีร์อย่างโจ่งแจ้ง  จนทำให้ปลายจันทร์เริ่มรู้สึกไม่พอใจที่กลางใจหวังจะโปรยเสน่ห์กับกรวีร์เหมือนกับผู้ชายหลายๆคนที่ผ่านมาอย่างบอกไม่ถูก

ทางด้านกัลยาพรอยากเลี้ยงขอบคุณซันและอุ้งที่มีส่วนช่วยในเรื่องมรดก จึงนัดทุกคนมาทานข้าวที่บ้าน หลังจากทานกันเสร็จกรวีร์ชวนทุกคนไปร้องคาราโอเกะกันต่อที่ร้านอาหารเรือนไม้งามเพราะเขามีบัตรส่วนลด เด่นเดือนได้ยินเข้าจึงขอปลายจันทร์ตามไปด้วย ที่ร้านอาหาร จันนี่ สาวใหญ่ท่าทางเหมือนเจ้าของร้านตั้งแง่ไม่ให้ใช้บัตรส่วนลดโดยอ้างว่าร้านได้ยกเลิกข้อตกลงกับบริษัทที่ออกบัตรไปแล้ว แต่ คำนึง หนุ่มใหญ่วัยกลางคนเจ้าของร้านตัวจริงกลับต้อนรับทุกคนอย่างดีและอนุญาตให้ใช้บัตรได้  พลางอธิบายอย่างเหนื่อยหน่ายว่าจันนี่เป็นแม่เลี้ยง เด่นเดือนได้ยินเข้าก็กรี๊ดลั่นจนอุ้งและปลายจันทร์ตกใจ ก่อนจะเฉลยว่าพ่อของคำนึงเป็นสามีของเธอที่เคยสาบานกันไว้ว่าจะรักกันไปจนตาย แต่ดันหนีเธอไปมีเมียน้อย ที่เธอตามมาที่ร้านแห่งนี้ก็เพราะอยากเจอลูกชายซึ่งคือคำนึงนั่นเอง

ระหว่างที่ทุกคนกำลังร้องเพลงกันอยู่ เด่นเดือนขอเข้าสิงปลายจันทร์เพื่อจะได้ร้องเพลงอีกครั้ง เพลงที่เลือกเป็นเพลงที่ดังที่สุดของเธอสมัยมีชีวิตอยู่  และเมื่อปลายจันทร์เริ่มร้องเพลง  เสียงที่ออกมาก็เป็นเสียงสุดแสนจะไพเราะของเด่นเดือน พอคำนึงได้ยินเข้าก็ตกใจว่าเสียงของปลายจันทร์เหมือนแม่ของเขาไม่มีผิด  ส่วน จันนี่พอได้ยินเสียงก็จำได้ดีว่านั่นคือเสียงของเด่นเดือนเมียหลวงที่เธอเกลียดนักเกลียดหนา  จันนี่เข้ามาอาละวาดโวยวายในห้องส่วนตัวของพวกปลายจันทร์ทันที  จนคำนึงต้องพาตัวไปสงบสติอารมณ์  กรกนก ผู้บริหารค่ายเพลงรุ่นใหญ่ที่บังเอิญมาทานข้าวที่นั่นก็เข้ามาหาปลายจันทร์ บอกว่าสนใจอยากจะชวนปลายจันทร์เข้าประกวดร้องเพลงในรายการ The Deva ปลายจันทร์อยากจะปฏิเสธแต่เด่นเดือนร้องขอไว้ รวมไปถึงซันก็คำนวณให้เสร็จสรรพตามประสาคนงกเงินว่าเงินรางวัลคุ้มค่ามาก คำนึงที่ส่งจันนี่กลับบ้านไปได้ก่อนแล้ว เห็นปลายจันทร์คุยกับกรกนกก็เข้ามาร่วมวงหว่านล้อมให้ปลายจันทร์ประกวดด้วย  เพราะเขาเองก็อยากฟังเสียงของแม่บนเวทีอีกครั้ง  พร้อมทั้งรับปากว่าจะช่วยซ้อมให้ปลายจันทร์ ส่วนเด่นเดือนก็นึกสนุกอยากร้องเพลงให้คนฟังอีกครั้ง  ปลายจันทร์ที่โดนทั้งผีทั้งคนหว่านล้อมจนตกปากรับคำชวนของกรกนก

ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ปลายจันทร์เห็น เฟื่องลดา ผีสาวแต่งชุดโบราณยืนอยู่ข้างเสาไม้ต้นใหญ่หน้าร้าน มองจ้องไปทางกรวีร์ด้วยแววตาอันเศร้าโศกอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เนื่องจากเฟื่องลดาก็ไม่ได้ทำอะไรและไม่ได้มีทีท่าอยากจะคุยกับเธอ ปลายจันทร์จึงกลับคอนโดไปพร้อมกับเพื่อนๆ แบบไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

วันรุ่งขึ้น ปลายจันทร์ อุ้งและซันเดินทางไปที่ค่ายเพลงของกรกนกเพื่อคุยเรื่องการเข้าประกวด จนได้เจอกับ ธาริน สาวสวยมาดเท่รั้งตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของค่ายเพลง แถมกรวีร์ก็อยู่ที่นั่นเพราะมีนัดคุยเรื่องการถ่ายภาพงานแถลงข่าว ปลายจันทร์ได้รู้ว่าธารินเป็นแฟนเก่าของกรวีร์ เธอรู้สึกถูกชะตากับธารินที่มีบุคลิกแมนๆ ตรงๆ แถมยังดูเป็นคนเก่งอีกต่างหาก

ก่อนกลับจากค่ายเพลง ปลายจันทร์ได้พบกับวิญญาณ เควิน ผีนักร้องลูกครึ่งชื่อดังในอดีตของค่ายเพลงแห่งนี้  ที่เข้ามาขอความช่วยเหลือให้เธอช่วยสืบความจริงว่าเขาจมน้ำตายหรือเขาโดนฆาตกรรมกันแน่  ปลายจันทร์อยากจะช่วยแต่จำใจปฏิเสธ  เพราะตอนนี้ก็มีภาระเรื่องเด่นเดือนอยู่แล้ว

เมื่อกลับถึงสตูดิโอ ปลายจันทร์สังเกตเห็นเฟื่องลดามายืนมองนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน เธอจำได้ว่าเป็นวิญญาณที่เคยพบที่ร้านเรือนไม้งาม  จึงแปลกใจว่ามาทำอะไรที่นี่  เข้าไปสอบถามได้ความว่าเฟื่องลดาเป็นคนรักเก่าของกรวีร์ในชาติก่อน  และเฝ้ารอเขาอยู่ที่ต้นไม้สักหน้าร้านมาตลอด  จนกระทั่งได้พบกรวีร์อีกครั้งเมื่อคืน  จึงตามเขากลับมาที่บ้านแต่เข้าไปข้างในไม่ได้เพราะติดเจ้าที่  เฟื่องลดาไม่ต้องการอะไรขอแค่ได้เฝ้ามองกรวีร์ก็พอใจแล้ว  เมื่อปลายจันทร์เข้ามาในสตูดิโอก็เห็นว่าคำนึงมารออยู่  คำนึงดีใจมากที่รู้ว่าปลายจันทร์จะร่วมประกวดร้องเพลงแม่ของเขา และเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังว่าพ่อยกร้านอาหารนี้ให้เขา อีกร้านให้จันนี่ดูแล  แต่จันนี่ชอบมาวุ่นวายที่ร้านที่เขาดูแล  เขามั่นใจว่าปลายจันทร์จะต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน และจะพาพ่อไปฟังเสียงของปลายจันทร์ในรอบชิงชนะเลิศด้วย กัลยาพรอาสาดูแลเรื่องชุดให้ ส่วนเด่นเดือนก็จะสอนการเดินและลีลาบนเวทีให้อีก ปลายจันทร์ซ้อมเดินซ้อมเต้นอยู่นานโดยมีกรวีร์ดูอยู่เงียบๆ และแอบขำท่าทาง  ก่อนที่จันนี่จะบุกเข้ามาโวยวายให้คำนึงกลับบ้าน เด่นเดือนโกรธแค้นจันนี่ที่บุกมาถึงบ้านและพยายามหลอกหลอน  แต่จันนี่กลับหึงคำนึงจนไม่กลัวผีสางที่ไหน  ปลายจันทร์เห็นจันนี่มาอาละวาดจึงยิ่งมุ่งมั่นที่จะชนะเลิศเพื่อเด่นเดือนให้ได้  ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเอกสารที่ใช้ในการสมัครยังอยู่ที่บ้าน  จึงจะรีบกลับบ้านไปเอาเอกสารกลางดึก กรวีร์เป็นห่วงว่าจะเป็นอันตรายจึงอาสาไปส่ง
ปลายจันทร์ดีใจที่เขาเป็นห่วงแต่ก็ยืนยันที่จะกลับเอง พอไปถึงตัวจังหวัดนึกกลัวตามคำพูดของกรวีร์ขึ้นมาจึงโทรบอกพ่อให้ออกมารับ ระหว่างทางกลับบ้าน ปลายจันทร์ถามพ่อถึงซีดีเพลงของเด่นเดือน จึงได้รู้ว่าพ่อของตัวเองเคยเป็นนักร้องในคาเฟ่มาก่อนแต่ถูกอากงลากกลับมาสืบทอดกิจการที่บ้าน ปลายจันทร์เลยขอร้องให้พ่อของเธอช่วยสอนร้องเพลงให้ แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเพื่อจะเอาไปประกวดร้องเพลง

ในวันประกวดรอบแรก ปลายจันทร์ขึ้นเวทีด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่เธอชอบเพราะบอกทุกคนว่ามั่นใจมากกว่า ทั้งคนดูและกรรมการเห็นเข้าก็หัวเราะแต่พอปลายจันทร์เริ่มร้อง เสียงที่ออกมาก็เป็นเสียงของเด่นเดือนจึงทำให้ทุกคนหันมาสนใจ หลังประกวดรอบแรกเสร็จ ปลายจันทร์โดนวิญณาณเควินตามมาขอร้องให้ช่วยอีก สุดท้ายปลายจันทร์ก็ใจอ่อน ยอมตกลงช่วยเหลือเควินจนได้

ปลายจันทร์ปรึกษาอุ้งและซันให้ช่วยกันวางแผนว่าจะสืบเรื่องการตายของเควินนี้อย่างไรดี  กรวีร์ ได้ยินเข้าก็รีบยื่นมือช่วยเหลือ  ปลายจันทร์กับกรวีร์ตัดสินใจเริ่มต้นด้วยการไปหาแม่ของเควิน

ที่บ้านของเควิน ปลายจันทร์ได้เจอกับ รัชดา ลูกเลี้ยงของแม่เควินที่โตมาพร้อมกับเควินและ คม สามีของรัชดา แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คล้ายกับที่ไปหากัลยาพรครั้งแรก  คือถูกเข้าใจว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ปลายจันทร์มืดแปดด้าน  เพราะในสมัยที่เควินโด่งดัง  เธอเองก็ยังไม่เกิด  เลยไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลของเควินได้ที่ไหน  แต่เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยหนุนให้เธอทำความดีในการช่วยปลดปล่อยวิญญาณทั้งหลายให้ไปสู่สุขคติ  เธอจึงพบว่าต้นกล้า พี่ชายของเธอเป็นแฟนคลับตัวจริงของเควินในสมัยที่เควินดังสุดขีด

ต้นกล้าให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเควินและแนะนำให้มาคุยกับ ลุงผาง อดีตผู้จัดการส่วนตัวของเควิน แต่ว่าตอนนี้ออกจากวงการไปไม่รู้อยู่ที่ไหน  ปลายจันทร์มาขอความช่วยเหลือจากธารินที่ดูเหมือนจะยินดีให้ความร่วมมือกับเธอมากกว่ากรกนกที่หงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อเควิน เมื่อได้คุยกับลุงผาง ปลายจันทร์จึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเควินกับรัชดาไม่ได้คิดกันแค่พี่น้องแต่กลับเป็นคู่รักกัน แถมยังได้รู้ความลับว่า กรกนก เองก็แอบรัก รัชดาอยู่ในตอนนั้นด้วยเหมือนกัน

ด้วยความร่วมมือของธารินที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเพลง รวมกับข้อมูลเรื่องงานศพของเควินที่แม่ของเควินเล่าให้ปลายจันทร์ฟัง ทำให้ปลายจันทร์และเพื่อนสรุปได้ว่ากรกนกต้องเป็นฆาตกรแน่นอน แต่ก่อนที่เรื่องจะไปถึงตำรวจ กรกนกก็ตามมาจับตัวปลายจันทร์หมายจะฆ่าปิดปากเรื่องเควิน วิญญาณของเควินจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาโดนเพื่อนรักหักหลัง กรวีร์และป้องเกียรติตามมาช่วยปลายจันทร์จนต้องไล่ล่ากัน  ก่อนที่ปลายจันทร์จะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ส่วนกรกนกโดนเควินหลอกหลอนจนขับรถตกสะพานตายระหว่างหลบหนี

กลางใจรีบรุดมาดูอาการของปลายจันทร์ที่โรงพยาบาลและได้พบกับป้องเกียรติ ทั้งสองปิ๊งกันทันที วันรุ่งขึ้นปลายจันทร์ออกจากโรงพยาบาลและไปบ้านของเควินเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด  แม่ของเควิน ขอบคุณปลายจันทร์ที่ช่วยวิญญาณของเควินไปสุ่สุขคติ  เมื่อปลายจันทร์กลับไปที่สตูดิโอเพื่อทำงานต่อก็เห็นเด่นเดือนรออยู่แล้ว  ปลายจันทร์ตัดพ้อว่าเด่นเดือนไม่ยอมไปช่วยตอนเกิดเรื่อง เด่นเดือนบอกว่าเธอเป็นผีติดที่ไม่ใช่นึกจะไปไหนก็ไปได้  ถ้าจะไปก็ต้องมีสื่ออย่างปลายจันทร์พาไป ปลายจันทร์เห็นว่าคำนึงนั่งคุยอยู่กับ   กัลยาพรอีกแล้ว  คำนึงเห็นปลายจันทร์มาก็รีบบอกว่ามาเพราะจะช่วยซ้อมร้องเพลง แต่เด่นเดือนกลับแซวว่าลูกชายน่าจะมาหาลูกสะใภ้ให้แม่มากกว่า ปลายจันทร์ที่คุยกับทั้งผีทั้งคนจนทำให้ตอบสลับกันไปหมด ฝ่ายกรวีร์ก็บอกว่าไม่ได้เห็นแม่สดชื่นแบบนี้มานานแล้ว จนทำให้คำนึงและกัลยาพรได้แต่หัวเราะแก้เขิน กรวีร์รับปากว่าพรุ่งนี้จะปิดสตูดิโอไปเชียร์ปลายจันทร์ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ปลายจันทร์ดีใจมาก

แกลลอรีสื่อสองโลก