นักธุรกิจเลือดใหม่มาดเข้ม มากความสามารถ “มาวิน ธนะปรีดากุล” นักธุรกิจฮ่องกง เชื้อสายไทย บุกเกาะสมุย นำรถยนต์คู่ใจ Rolls Royce มูลค่ากว่า 44 ล้าน เข้าร่วมกิจกรรม "เกาะสมุย สตรีท คิง" ณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 23-25 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ภายในงานมีการนำรถซุปเปอร์คาร์กว่า 50 คัน อาทิเช่น Lamborghini , Ferrari , McLaren , Rolls-Royce , Bentley , Huracan , Audi และอีกมากมายมารวมตัวในพื้นที่เกาะสมุย วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ออกไปทั่วประเทศและทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นที่โค้ง Sunset บริเวณชายทะเลบ้านหน้าทอนเพื่อให้ประชาชนในและนักท่องเที่ยวในเกาะสมุยได้ออกมาถ่ายรูปกัน ก่อนที่ขบวน supercar ทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ fisherman market ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ชมรถและถ่ายรูปกัน และภายในงานยังจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเกาะสมุย โดยได้ให้เหล่า supercar จำนวนกว่า 50 คัน รวมกันขับรถไปทำกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ บนเกาะสมุย เริ่มจากการทำประโยชน์เพื่อสังคม เป็นการทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษา ณ วิทาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ โดยภายในงานมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประทานในพิธี และในงานนี้ นักธุรกิจหนุ่มอย่าง มาวิน ในนามเจ้าของตัวแทนนำเข้า DMC แห่งประเทศไทยก็ยังได้ร่วมบริจาคเงินทอดผ้าป่าให้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณอีกด้วย โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23-25 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกาะสมุยได้สำเร็จอย่างเกินคาด
ความสามารถทางด้านภาษา : สามารถพูดได้ถึง 8 ภาษา เริ่มจากภาษาที่ 1 คือ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาหลักที่ใช้สื่อสารขณะเรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติ ส่วนภาษาที่ 2 คือ ภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งเป็นภาษาประจำครอบครัวที่สืบทอดมาจากคุณปู่ ภาษาที่ 3 คือ ภาษาจีนกวางตุ้ง ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในประเทศฮ่องกง และเป็นภาษาประจำครอบครัวเช่นกัน แต่ด้วยความที่คุณมาวินสนใจเกี่ยวกับการทำการตลาดของประเทศจีน จึงเรียนภาษาจีนกลาง เป็นภาษาที่ 4
และขณะที่เรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเกียวโต จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ 5 ต่อมาคุณมาวินได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวมุสลิม จึงศึกษาภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ 6 ผ่านประสบการณ์การทำงานในตลาดตะวันออกกลาง และด้วยความที่ชื่นชอบในประเทศเกาหลี จึงเดินทางไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีกว่าครึ่งปี และเรียนภาษาเกาหลี เป็นภาษาที่ 7 กระทั่งปี 2562
คุณมาวินได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย และตัดสินใจปักหลักอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง จึงเริ่มเรียนภาษาไทยอีกครั้ง นับเป็นภาษาที่ 8 ในชีวิต สำหรับการเรียนภาษานั้นในความคิดของคุณมาวินนั้น ไม่ใช่แค่สิ่งที่จะจำเป็นต่อการสื่อสารในสังคมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจ และป้องกันความผิดพลาด รวมถึงโอกาสก้าวหน้าในชีวิต ซึ่งการเรียนรู้ภาษาทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ส่งผลให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตได้อย่างรวมเร็ว และมีประสิทธิภาพ
คุณมาวิน จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก? : คุณมาวิน เล่าว่าด้วยความที่คุณแม่ทำงานเกี่ยวกับการเงิน ทำให้มาวินสนใจในเรื่องการเงินจนกลายเป็นงานอดิเรก และเลือกที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยในปี 2549 ได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการบริหารการเงิน เพื่อศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์ และธุรกิจระหว่างประเทศ อีกทั้งมหาวิทยาลัยที่สหราชอาณาจักรเหมาะแก่การวิจัยและการสืบค้นหาความรู้
ต่อมาในปี 2553 ได้ศึกษาระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ สาเหตุที่เลือกศึกษาต่อที่นี่ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีความก้าวไกลทางด้านธุรกิจค่อนข้างสูง และเป็นประเทศที่พัฒนาสูงสุดในทวีปเอเชีย
ประสบการณ์ในการทำงาน และการลงทุนที่เคยผ่านมา : คุณมาวิน เล่าว่า ในปี 2013 ได้เริ่มทำธุรกิจที่ประเทศสหราชอาณาจักร เริ่มมากจากความเข้าใจในวัฒนธรรม และตลาดเอเชีย จึงมุ่งเน้นที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนเหล่าสตาร์ทอัพที่ต้องการขยาย ตลาดในทวีปเอเชีย รวมถึงได้ช่วยสนับสนุนผู้ก่อตั้ง และผู้ประกอบการธุรกิจจากเอเชียให้มีประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยคุณมาวินได้ทำการวิจัย และค้นคว้า เพื่อคิดค้นกระบวนการ และแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
สิ่งที่คุณมาวินทำอยู่ในตอนนั้น แม้จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่คุณมาวินหวังว่า จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง และสร้างความยั่งยืนให้กับการทำงานในอนาคต คุณมาวินหวังว่าจะช่วยให้ผู้กระกอบการตระหนักถึงโปรเจกต์ที่กำลังเผชิญหน้า และส่งผลให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่อมาในปี 2016 คุณมาวิน เล่าว่าเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนที่ตะวันออกกลาง หรือ ในประเทศดูไบ ซึ่งเป็นพื้นที่เขตการค้าเสรีอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยความมั่นคงทางการเมือง และทางภูมิศาสตร์ อีกทั้งรัฐบาลของประเทศดูไบยังสนับสนุนนโยบายให้กับผู้ประกอบการ ดูไบจึงกลายเป็นดินแดนที่ผู้ประกอบการทั่วโลกต่างจับตามอง และเข้ามาพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี ซึ่งมาวินมีโอกาสเข้ามาลงทุนด้วยการช่วยเหลือผู้ประกอบการผู้มีทุนทรัพย์สูง และช่วยค้นหาโครงการที่มีศักยภาพ รวมถึงยังเข้ามาช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
คุณมาวิน ยังเล่าต่ออีกว่า ปี 2018 เคยมีประสบการณ์ด้านการลงทุนที่เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับรัฐบาลดำเนินโครงการ NYSTAR และร่วมกันเปิดตัวศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการ ด้วยความร่วมมือกับศูนย์วิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง รวมถึงโปรแกรมสำหรับเทคโนโลยี และนวัตกรรมมากกว่า 300 รายการ ซึ่งทางคุณมาวินนั้นได้เข้าไปช่วยลงทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีโปรเจกต์เตรียมพัฒนาต่อ เกี่ยวกับเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต รวมถึงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีที่สำคัญอีกมากมาย