ความลับสร้างลูกสมองไว พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันที่เหนือกว่า เพื่อพัฒนาการที่ดีของเด็กผ่าคลอด

View icon 110
วันที่ 30 พ.ค. 2566
แชร์

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มักเกิดความกังวลใจมากมายโดยเฉพาะช่วงใกล้คลอด คุณแม่หลายคนเลือกวิธีผ่าคลอดแทนการคลอดแบบธรรมชาติ เพราะกลัวเจ็บ กลัวช่องคลอดฉีกขาด ไม่สามารถคลอดตามธรรมชาติได้ หรืออาจเป็นเพราะสามารถเลือกวันเวลาได้ตามต้องการ

การผ่าคลอดนี้อาจอาจทำให้ลูกน้อยพลาดโอกาสในการได้รับจุลินทรีย์ที่ส่งผลต่อพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน เพราะการผ่าคลอดเป็นวิธีการที่นำลูกออกมาผ่านทางหน้าท้อง ทำให้เด็กไม่ได้รับจุลินทรีย์ผ่านทางช่องคลอดเหมือนเด็กที่คลอดธรรมชาติ เพราะจุลินทรีย์ในลำไส้มีบทบาทสำคัญในการรักษาภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแกร่ง และอาจทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางสมองช้ากว่า

นมแม่ โภชนาการแรกที่ลูกน้อยควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด เพราะในนมแม่มีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อการพัฒนาการทางสมองและระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เช่น สฟิงโกไมอีลิน และบีแล็กทิส เมื่อพัฒนาการสมองของเด็กผ่าคลอดเริ่มต้นช้า คุณแม่ต้องเริ่มเสริมสารอาหารให้ไว เพื่อให้ลูกน้อยร่างกายแข็งแรงและมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่รวดเร็ว

เด็กผ่าคลอด ต้องเริ่มสร้างสมองให้เร็วกว่า...

• การที่เด็กผ่าคลอดได้รับปริมาณจุลินทรีย์ที่น้อยหรือไม่ได้รับเลยอาจส่งผลต่อพฤติกรรมและการทำงานของสมอง รวมถึงพัฒนาการทางระบบประสาทผิดปกติ ซึ่งพัฒนาการทางประสาทจะส่งผลต่อความฉลาด หรือ IQ ของเด็กผ่าคลอดด้วย1

• จากการศึกษาผลการสแกนสมองของ Deoni (2019) ที่มีการเปรียบเทียบการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดธรรมชาติ เมื่ออายุ 2 สัปดาห์ พบว่า สมองของเด็กผ่าคลอดมีการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทน้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ และยังพบว่า การทำงานของสมองส่วนคอร์ปัส คาโลซัม (Corpus Callosum) ที่เชื่อมโยงการทำงานของสมอง 2 ซีกในเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลินในสมองน้อยกว่าด้วย2


6475e47363b962.40618497.png

ภาพสแกนสมองเมื่ออายุ 2 สัปดาห์2 เด็กคลอดธรรมชาติและเด็กผ่าคลอด
ภาพสแกนสมองเมื่ออายุ 2 สัปดาห์2
ดัดแปลงจาก Deoni S.C. et al. Am J Neuroradiol. 2019 2
 
6475e474661a53.78101692.jpg
กราฟแสดงความสัมพันธ์ของการสร้างไมอีลิน ตามอายุวันที่เพิ่มขึ้น สำหรับเด็กคลอดธรรมชาติและเด็กผ่าคลอด
กราฟแสดงความสัมพันธ์ของการสร้างไมอีลิน ตามอายุวันที่เพิ่มขึ้น
ดัดแปลงจาก Deoni S.C. et al. Am J Neuroradiol. 2019 2

 
• นอกจากนี้ เด็กผ่าคลอดอาจต้องเผชิญกับความแปรปรวนทางอารมณ์ ปัญหาการนอนหลับมากขึ้น ซึ่งจะแสดงปัญหาเหล่านี้ให้เห็นในช่วงวัยอนุบาลจำนวนมาก1  1ใน 7 ของเด็กผ่าคลอดช่วงอายุ 4-9 ปี อาจมีความเสี่ยงด้านพัฒนาการเรียนรู้ ทำให้มีผลคะแนนสอบที่น้อยกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ3,4

• เด็กผ่าคลอดจึงต้องเริ่มเสริมสร้างสมองให้ไวกว่า เพื่อพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่ของเด็กผ่าคลอด ด้วยการสร้างไมอีลิน เพื่อให้สมองเกิดการเชื่อมโยงการทำงานได้ขึ้น

สฟิงโกไมอีลิน สารอาหารสำคัญ สร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอด

• ช่วงเวลาทองในการพัฒนาสมองของลูกน้อย ควรเริ่มในช่วงแรกของชีวิต เพราะเป็นช่วงที่สมองของเด็กเติบโตและมีพัฒนาการไวที่สุด ด้วยการเพิ่มปริมาณไมอีลินในสมองของเด็กผ่าคลอด เพื่อให้ลูกน้อยมีสมองไว เรียนรู้ได้รวดเร็ว

• ในสมองของเด็กประกอบด้วยเซลล์สมองนับล้านล้านเซลล์ แต่ละเซลล์จะเชื่อมโยงกันไปมาทำให้เกิดการเรียนรู้เกิดขึ้น ซึ่งเซลล์สมองจะเกิดการส่งสัญญาณประสาทที่รวดเร็วได้จะต้องอาศัยปลอกไมอีลินมาหุ้มเซลล์ประสาท เพื่อให้การส่งสัญญาณประสาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเชื่อมต่อได้รวดเร็วขึ้น โดยจะเร็วถึง 100 เท่า 5 เมื่อเทียบกับเซลล์ประสาทที่ไม่มีปลอกไมอีลิน ทำให้สมองของลูกน้อยเรียนรู้ได้ไว เกิดการจดจำและมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่รวดเร็ว

6475e4731a7314.39944689.jpg

สฟิงโกไมอีลิน สารอาหารในนมแม่ ช่วยสร้างสมองและการเรียนรู้ที่ไวกว่า
 
• อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของเด็กจะดีได้ร่างกายของลูกน้อยต้องแข็งแรงสมบูรณ์ด้วย เพราะการที่เด็กไม่มีการเจ็บป่วยอยู่บ่อย ๆ จะทำให้ลูกน้อยสามารถเสริมสร้างพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อความสำเร็จในอนาคต

เสริมภูมิคุ้มกันให้เหนือกว่า ด้วยบีแล็กทิส โพรไบโอติกที่จำเป็นของเด็กผ่าคลอด

• ระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ (GI) เป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ที่หลากหลายในจำนวนมาก เรียกว่า “ไมโครไบโอตา” (Microbiota)  ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้มีจะอยู่ในลำไส้มากที่สุดและมีอิทธิพลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะจุลินทรีย์มีความเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการเกิดโรค และการติดเชื้อต่าง ๆ ในช่วงแรกของทารกในครรภ์จะยังไม่มีจุลินทรีย์สุขภาพ แต่จะเริ่มเจริญขึ้นเมื่อทารกด้วยกระบวนการคลอดทางช่องคลอด ผ่านการกลืนน้ำคร่ำ ทำให้ทารกที่ผ่าคลอดพลาดโอกาสในการรับจุลินทรีย์ทางช่องคลอดไป6

• ทารกจะได้รับจุลินทรีย์ผ่านการกินอาหารหรือดูดนมแม่ทางปาก จากนั้นจะเดินทางเข้าสู่ทางเดินอาหารแล้วไปสะสมอยู่ในลำไส้ พออายุมากขึ้นจุลินทรีย์ในร่างกายของลูกน้อยจะมีหลากหลายชนิดมากขึ้นและเพิ่มจำนวนมากเรื่อย ๆ แล้วจะมีปริมาณคงที่เมื่ออยู่อายุราว 2.5 ปี6,7

• บีแล็กทิส (B. lactis) จัดเป็นโพรไบโอติกที่มีเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ที่พบได้ในนมแม่ 8 ช่วยเรื่องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของทารก ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจส่วนบน ลดความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะ ลดการโอกาสการเกิดเชื้อที่ก่อโรค ปรับสมดุลในลำไส้ ทำให้ช่วยลดอาการท้องผูก อาการลำไส้แปรปรวน และป้องกันการเกิดอาการท้องเสียฉับพลันได้ ลูกน้อยจึงมีภูมิต้านทานในระบบทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี9

6475e474d74014.56168239.jpg

สฟิงโกไมอีลิน สารอาหารในนมแม่ ช่วยสร้างสมองและเสริมภูมิคุ้มกัน
 
เริ่มต้นการเรียนรู้ที่ดี ต้องเริ่มสร้างสมอง และภูมิคุ้มกันให้ไว ไปพร้อมกัน

พัฒนาการทางสมองและพัฒนาการของร่างกายที่รวดเร็วของเด็กผ่าคลอด เริ่มด้วยสารอาหารสำคัญอย่างสฟิงโกไมอีลิน และ บี แล็กทิส สารอาหารที่พบได้ในนมแม่ที่จะช่วยเพิ่มปริมาณไมอีลินในสมอง ช่วยให้สมองไว และส่งเสริมให้จุลินทรีย์สุขภาพเพิ่มจำนวนและแข็งแรงมากขึ้น เพื่อให้เด็กผ่าคลอดสามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ

อ่านเคล็ดลับคุณแม่ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับคุณแม่ตั้งแต่เตรียมตัวผ่าตลอด ไปจนถึงการดูแลตัวเอง และลูกผ่าคลอด ได้เลยที่ S-mom club