คุณพ่อคุณแม่ อย่าลืมขอใช้สิทธิบุตรคนเดิม กรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน

View icon 704
วันที่ 13 ม.ค. 2566
แชร์

สำนักงานประกันสังคม คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีและสิทธิประโยชน์ที่มั่นคงแก่ผู้ประกันตนทุกคนเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองชีวิตจากการทำงานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร เป็นหนึ่งในสิทธิที่ผู้ประกันตนจะได้รับตั้งแต่เริ่มต้นให้กำเนิดบุตรหรือเลี้ยงดูบุตรโดยชอบธรรม ถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระให้ผู้ประกันตนได้ดูแลบุตรในช่วงวัยเด็กเล็กได้อย่างสบายใจ
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรนี้จะต้องเป็นผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิ (จ่ายเงินสมทบครบ 12 เดือน ก่อนเดือนที่จะใช้สิทธิ) โดยสำนักงานประกันสังคมได้มอบสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรให้แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 ที่อยู่ระหว่างรับสิทธิ หรือเคยรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร ซึ่งโดยปกติจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตร 1 คน ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ คราวละไม่เกิน 3 คน แต่ทั้งนี้หากเกิดกรณีจำเป็นใน 3 กรณีนี้ คือ กรณีลาออกแล้วกลับเข้าเป็นผู้ประกันตนใหม่ กรณีย้ายสถานที่ทำงานใหม่ หรือกรณีเปลี่ยนสถานะผู้ประกันตนจากผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นมาตรา 39  ผู้ประกันตนยังคงสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมได้อยู่เหมือนเดิม โดยต้องยื่นเรื่องต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ
สำหรับเอกสารที่ผู้ประกันตนจะต้องเตรียมไปยื่น คือ หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน บัตรประจำตัวประชาชน หากเป็นกรณีผู้ประกันตนต่างชาติใช้หนังสือเดินทาง (Passport) สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ประกันตนหรือแจ้งการรับเงินผ่านพร้อมเพย์ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)

เลขาธิการ สปส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกันตนที่ส่งสมทบเป็นประจำทุกเดือน จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครอบคลุม ซึ่งกรณีที่ผู้ประกันตนต้องออกจากงาน แล้วเข้าทำงานเป็นผู้ประกันตนกับนายจ้างใหม่ หรือเปลี่ยนสถานะผู้ประกันตน สามารถแจ้งขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมได้ตลอด เพื่อให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับผลประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิทธิประโยชน์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกันตนได้ดูแลบุตรของท่านได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ หากเกิดกรณีผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตายในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์ แต่ทั้งนี้สิทธิจะถูกระงับทันทีเมื่อบุตรเสียชีวิต ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น บุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์หรือความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง โดยผู้ประกันตนจะไม่มีสิทธิรับผลประโยชน์จากกรณีสงเคราะห์บุตรได้อีกต่อไป
สำหรับการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรนั้น ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมสามารถจ่ายผ่านพร้อมเพย์ให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกันตนต้องผูกเลขบัตรประจำตัวประชาชนไว้กับบัญชีธนาคารที่มีชื่อของผู้ประกันตนได้ทุกธนาคาร หากผู้ประกันตนมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

Line: @ssothai และเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th
#Website: www.sso.go.th
#Facebook: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
#Instagram: sso_1506
#Twitter: @sso_1506
#YouTube: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
#Hotline: 1506 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
#LINE: @SSOTHAI
#TikTok: @SSONEWS1506


63bfb3f9982841.65806550.jpg