ไม่ต้องกังวลใจ นายจ้างสามารถเรียกคืนเงินสมทบส่วนเกินได้ด้วยเริ่มต้นจากการทำ “รายงานค่าจ้าง”

View icon 375
วันที่ 8 ก.ค. 2565
แชร์

หลังจากมีประกาศพระราชกิจจานุเบกษา ว่าด้วยการผ่อนคลายข้อปฏิบัติในการสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้าทั่วราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เป็นการสร้างบรรยากาศ welcome ต่อชาวต่างประเทศ ส่งผลทางอ้อมต่อการเชิญชวนนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงาน การเคลื่อนไหวของตลาดแรงงาน ซึ่งกองทุนเงินทดแทน คือหนึ่งในคำตอบด้านสวัสดิการชั้นดีอย่างหนึ่งที่นายจ้างให้กับลูกจ้างอย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมๆกัน 

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้น หรือกลับมาทำธุรกิจและเริ่มมีการจ้างลูกจ้างแล้ว นอกจากจะมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนให้ลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนของกองทุนประกันสังคม โดยนายจ้างจะจ่ายเงินประกันสังคมสมทบร่วม พร้อมกับที่หักออกจากรายได้ของพนักงานในทุกๆ เดือนแล้ว ยังมี “กองทุนเงินทดแทน” อีกกองทุนหนึ่ง ที่เปรียบเสมือนสวัสดิการชั้นดี ทั้งนี้ สิทธิจะเกิดขึ้นกับลูกจ้างทันที นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานให้นายจ้าง   และหากลูกจ้างเกิดเหตุประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน จนได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือผลกระทบแก่จิตใจหรือถึงแก่ความตาย เนื่องจากการทำงานหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้นายจ้าง หรือทำตามคำสั่งของนายจ้าง รวมถึงกรณีที่ลูกจ้างหายไปในระหว่างเดินทางโดยพาหนะทางบก อากาศ หรือทางน้ำ เพื่อไปทำงานให้นายจ้าง ลูกจ้างก็จะได้รับเงินทดแทน ซึ่งประกอบด้วย ค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทนรายเดือน ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน และค่าทำศพ ตามสิทธิที่กองทุนเงินทดแทนกำหนด

โดยนายจ้างจะต้องจ่ายเงินทดแทนประจำปีให้ในช่วงทุกต้นปี หรือเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นายจ้างต้องทำการแจ้งจำนวนค่าจ้างรวมทั้งปีของปีที่ผ่านมา หรือที่เรียกว่า “การรายงานค่าจ้าง” ไปยังสำนักงานประกันสังคมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้นำไปเปรียบเทียบกับเงินสมทบที่เก็บไว้เมื่อต้นปี หากจำนวนค่าจ้างจริงของปีที่ผ่านมาสูงกว่าค่าจ้างที่ประมาณไว้ เป็นเหตุให้เงินสมทบที่เก็บไว้เมื่อปีที่ผ่านมาน้อยกว่า ก็จะเรียกเก็บเพิ่มภายใน 31 มีนาคม   แต่หากจำนวนเงินค่าจ้างรวมทั้งปีต่ำกว่าเดิมทำให้เงินสมทบที่เรียกเก็บสูงกว่าความเป็นจริง  และเมื่อตรวจบัญชีของนายจ้างแล้ว หากค่าจ้างต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก็จะได้รับเงินสมทบส่วนที่จ่ายเกินคืน  ทั้งนี้ โดยในปีแรก นายจ้างจะต้องจ่ายเงินสมทบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คน และสำหรับปีต่อๆ ไป จ่ายภายในเดือนมกราคมของทุกปี 

ดังนั้น ข้อสำคัญคือ นายจ้างต้องไม่ลืม “การรายงานค่าจ้าง” ซึ่งต้องรายงานค่าจ้างภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี การไม่รายงานค่าจ้างภายในกำหนด อาจมีผลทำให้นายจ้างต้องชำระเงินเพิ่ม หากเงินที่เรียกเก็บในปีที่ผ่านมาต่ำไป  นายจ้างรายใดไม่จ่ายเงินสมทบภายในกำหนดเวลา หรือจ่ายเงินสมทบไม่ครบจำนวน ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 3.0% ต่อเดือนของเงินสมทบที่ต้องจ่าย
เมื่อทราบแบบนี้แล้ว จะพบว่า กองทุนเงินทดแทน มีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อนายจ้าง และลูกจ้าง แต่หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถาม หรือติดตามข่าวสารสำนักงานประกันสังคมผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ได้ที่

Website: www.sso.go.th
Facebook: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
Instagram: sso_1506
Twitter: @sso_1506
YouTube: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
Hotline: 1506 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
LINE: @SSOTHAI
TikTok: @SSONEWS1506


62c7b61ed9d552.92667823.png