แบล็กลิสต์ Huione Group ผลดีต่อไทย

View icon 103
วันที่ 18 มิ.ย. 2568
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - การขึ้นแบล็กลิสต์ กลุ่ม Huione เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผิดกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ดี ๆ ไทยก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่มาจากทางสหรัฐฯ ที่ประกาศเรื่องนี้ลงเว็บฯ ของ "กระทรวงการคลังสหรัฐฯ" พูดตามตรงคนที่เดือดร้อนคือฝั่ง "กัมพูชา" ส่วนคนได้แต้มต่อคือ "ไทย"

ข่าวเรื่องความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของกลุ่ม Huione ถูกโพสต์ลงในเว็บฯ หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือ "FinCEN" เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ตามแผนผังที่เพจฯ CSI LA เอามาเปิดเผย เชื่อมโยงให้เห็นว่า กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับใครอย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง และนายทุนที่มาจากจีน และเวียดนาม เกี่ยวข้องกับแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ และกัมพูชา มีเงินเข้ามาจากเว็บฯ พนัน, แก๊งคอลเซนเตอร์

โดยมีการคำนวณความเสียหายจากฝีมือแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ประมาณ 37 ล้านดอลลาร์, กลโกงการลงทุนราว 36 ล้านดอลลาร์ และกลโกงอื่น ๆ อีกประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ อันนี้คือส่วนหนึ่ง จากจำนวนความเสียหายกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจำนวนนี้ก็อาจไม่ใช่ยอดสูงสุด

เพราะตามที่เพจฯ "กองบัญชาการกองทัพไทย" แชร์ข้อมูลตามรายงานของ Humanity Research Consultancy (HRC) ที่เขียนโดย Jacob Sims ที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศในกรุงเทพฯ

ระบุถึงขั้นว่า อุตสาหกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชา กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมฉ้อโกงข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีแนวโน้มทำเงินสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือราว 620,000 ล้านบาท มากกว่าภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอของกัมพูชา ที่เป็นภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ ถึง 2 เท่า และสูงถึง 40% ของ GDP

ข้อมูลตามรายงาน กล่าวหาค่อนข้างรุนแรงว่า มีการออกใบอนุญาตให้กับกิจการหลอกลวงอย่างถูกกฎหมาย จนได้รับการคุ้มครองจากตำรวจ และทหาร ระบบยุติธรรม ถูกแทรกแซงไม่ให้มีการดำเนินคดีจริง ไม่นับรวมที่ผู้นำพรรครัฐบาลเข้าไปถือหุ้น หรือมีผลประโยชน์ในธุรกิจเหล่านี้

ขาดความโปร่งใสในการตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลายโครงการใช้บริษัทนอมินี และช่องทางลับเป็นฐานทางการเงิน สำหรับกลุ่มทุนผิดกฎหมาย พบการเชื่อมโยงกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของถึง 28 คน ที่ควบคุมกลไกรายได้ใน 64 ช่องทาง คาดมูลค่าการเงินที่หมุนเวียนผ่าน "Huione Group" สูงถึงกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท

จึงนำมาซึ่งข้อเสนอ 4 ข้อเชิงนโยบายเพื่อแก้ปัญหา คือ 1. คว่ำบาตรเฉพาะเจาะจง 28 เจ้าหน้าที่ระดับสูง และ 114 บริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 2. ยกระดับความร่วมมือด้านข่าวกรองการเงิน เพื่อปิดล้อมระบบ Huione Group 3. ตั้งศาลพิเศษระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินคดีการค้ามนุษย์ข้ามแดน และ 4. จับมือกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ปิดบัญชีที่ใช้ในการกระทำผิด และดักจับธุรกรรมคริปโตที่ใช้ฟอกเงิน

และเมื่อเราเอาจิ๊กซอว์มาต่อกัน จะเห็นว่าข่าวเรื่องการขึ้นแบล็กลิสต์ก็ดี ข่าวแนวโน้มการเตรียมประกาศห้ามคนในประเทศกัมพูชาเข้าสหรัฐอเมริกา ก็ดี เป็นข่าวที่ส่งผลแต้มต่อกับไทยทั้งนั้น ไปฟังความเห็นของ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการและนักวิเคราะห์ พูดถึงเรื่องนี้กัน

ภาพลักษณ์มาแบบนี้ ไทยเราทำอะไรได้หรือไม่ ผู้บัญชาการ สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ ก็พูดตามตรงว่ายังไม่ได้ เพราะยังขาดพยานหลักฐานสำคัญ ที่จะพิสูจน์ได้ว่าบริษัทที่เกี่ยวข้อง มีการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินจริง แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันได้ว่า "ไทย" มีการประสานเรื่องนี้กับ "สหรัฐฯ" อย่างใกล้ชิด หากมีหลักฐานเพียงพอดำเนินคดี ยังไงก็ต้องดำเนินคดีแน่นอน

อีกประเด็นที่ นายศิโรตม์ ฝากถึงรัฐบาล เกี่ยวกับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ว่าไทยควรมีความชัดเจนเรื่องแนวทางการต่อสู้ และการชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่คล้อยตามเกมการเมืองของ "กัมพูชา" เพราะการที่กัมพูชาจะไปขึ้นศาลโลก ต้องมีการวางแผนไว้แล้ว ซึ่งไทยก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ทำไมเราถึงไม่ต้องการไปขึ้นศาลโลก

นอกจากนี้ ส่วนตัวของ นายศิโรตม์ เชื่อว่าเหตุการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่น่าบานปลายถึงขั้นสงครามได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง