ก่อนหน้านี้ “คาอิโตะ” มีคิวขึ้นชกกับ “มารัต กริกอเรียน” ในศึก ONE 172 ที่จัดขึ้น ณ สังเวียน ไซตามะ ซูเปอร์ อารีนา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากคู่ชกชาวอาร์เมเนีย ทำน้ำหนักไม่ได้ตามพิกัดที่ตกลงไว้ในรุ่นเฟเธอร์เวต และหลังจากการเจรจากันแล้ว “คาอิโตะ” ไม่ยินยอมที่จะชกด้วย จึงทำให้การแข่งขันต้องถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย
กระทั่งครั้งนี้ “คาอิโตะ” ได้โอกาสให้มาประเดิมโชว์ฝีมือในศึก ONE ลุมพินี 109 วันศุกร์ที่ 23 พ.ค.นี้ โดยจะพบกับ “โมฮัมหมัด เซียซารานี” ผู้ที่เพิ่งคว้าชัยเหนือ “หลิว เมิงหยาง” ในกติกาคิกบ็อกซิ่งจากศึก ONE ลุมพินี 105 เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ชมฝีมือของเขา วันนี้เราขอพาไปทำความรู้จัก “คาอิโตะ” ให้มากยิ่งขึ้นผ่าน 5 เรื่องราวเจาะลึกที่จะทำให้คุณทึ่งในความสามารถของเขา
#เริ่มเส้นทางนักสู้ด้วยศาสตร์คาราเต้
“คาอิโตะ” เริ่มต้นเส้นทางศิลปะการต่อสู้จากการฝึกคาราเต้ ซึ่งเป็นศิลปะป้องกันตัวประจำชาติญี่ปุ่น และได้กลายมาเป็นรากฐานสำคัญของสไตล์การชกของตนเองในปัจจุบัน โดย “คาอิโตะ” เคยลงแข่งขันคาราเต้ระดับประเทศตั้งแต่เยาวชน และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง การฝึกฝนอย่างเข้มข้นควบคู่ประสบการณ์บนสังเวียนได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักชกคิกบ็อกซิ่งไฟแรงที่น่าจับตามองที่สุดของญี่ปุ่นในยุคนี้
#สั่งสมกระดูกมวยกว่า 10 ปี
แม้อายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่ “คาอิโตะ” กลับมีประสบการณลงแข่งขันที่น่าทึ่ง โดยขึ้นชกระดับอาชีพมาแล้วถึง 67 ไฟต์นับตั้งแต่ปี 2557 และคว้าชัยไปถึง 59 ครั้ง ซึ่งเรียกได้ว่าตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา เขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวของเขาไม่เคยหยุดพัฒนาฝีมือเลย จนทำให้สามารถยืนหยัดเป็นนักชกระดับแถวหน้าของวงการและลงแข่งขันในระดับสูงมาได้โดยตลอด
#กวาดเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งในบ้านเกิด
รายการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งในญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเวทีที่ท้าทายที่สุดของโลก และ “คาอิโตะ” ก็สามารถพิสูจน์ฝีมือได้ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี ด้วยการคว้าแชมป์ระดับประเทศ เท่านั้นยังไม่พอ “คาอิโตะ” ยังเดินหน้ากวาดเข็มขัดและถ้วยรางวัลจากการแข่งขันรายการใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Shoot Boxing, Rise และ Rebels มาครอง จนทำในเขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักชกชั้นแนวหน้าของประเทศในปัจจุบัน
#พิชิตดาวดัง ONE หลายราย
“คาอิโตะ” เคยเอาชนะยอดนักชกระดับแถวหน้าของ ONE ทั้งอดีตและปัจจุบันมาแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น “ดาวิต คิเรีย” จอมเก๋าจากจอร์เจีย, “พงษ์ศิริ พีเค.แสนชัย” นักชกสายอึดชาวไทย และ “มาซาอากิ โนอิริ” ที่ปัจจุบันครองแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต เฉพาะกาล ซึ่งผลงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพระดับโลกของเขา และชี้ชัดว่าเขามีดีพอที่จะเอาชนะ “โมฮัมหมัด” ได้ในไฟต์เปิดตัว
#สะกดคำว่าแพ้น็อกไม่เป็น
ตลอดกว่า 10 ปีบนสังเวียน “คาอิโตะ” ขึ้นชกมาแล้ว 67 ไฟต์โดยไม่เคยแพ้น็อกแม้แต่ครั้งเดียว สถิตินี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความอึดอย่างชัดเจน และในไฟต์เปิดตัวครั้งนี้ เขาจะต้องพิสูจน์ความอึดเหนือมนุษย์ของตัวเอง ด้วยการรับมือกับอาวุธที่ทั้งหนักและคมของ “โมฮัมหมัด” ซึ่งเขาจะสามารถเก็บชัยชนะพร้อมรักษาสถิติไม่เคยถูกน็อกไว้ได้หรือไม่ ต้องรอลุ้นกันในวันศุกร์ที่ 23 พ.ค.นี้
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น. ส่วนทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น. และสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR
ติดตาม ONE Championship และ ONE ลุมพินี ได้ที่ : https://www.ch7.com/one-championship
ช่องทางถ่ายทอดสด ONE ลุมพินี
- FACEBOOK : https://www.facebook.com/Ch7HD [เริ่มเวลา 19.30 น.]
- YOUTUBE : https://www.youtube.com/ch7hd [เริ่มเวลา 19.30 น.]
- ช่อง 7HD กด 35 / เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน BUGABOO.TV [เริ่มเวลา 20.30 น.]
