สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - อดีตพระคนสนิท เปิดปากรับแล้วว่า ได้รับความไว้ใจจาก "ทิดแย้ม" ให้เป็นผู้โอนเงินนับร้อย ๆ ครั้งให้กับ "สีกาเก็น" นายหน้าเว็บฯ พนันออนไลน์
ความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันวานนี้ เริ่มตั้งแต่เช้า กำลังตำรวจสอบสวนกลาง และอีกหลายหน่วยงาน เข้าตรวจค้นวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงหน้ากุฏิเจ้าอาวาส ได้อ่านหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบ และยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานพิจารณาความผิด
จุดสำคัญที่ออกหมายค้น มีทั้งหมด 4 จุด ได้แก่ กุฏิอดีตเจ้าอาวาส, สำนักงานวัด, ที่พักสงฆ์ และ บ้านพักเจ้าหน้าที่วัด
ส่วน พระธรรมวชิรานุวัตร หรือ "ทิดแย้ม" ซึ่งกลายเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงแล้ว หลังต้องลาสิกขาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พฤษภาคม ต่อหน้าพระพุทธรูป "พระนิรันตราย" พระสงฆ์ และฆราวาส ภายในห้องสอบสวน และสวมชุดขาว เพื่อเข้าสู่ห้องควบคุมตัว โดยมีลูกศิษย์อย่างน้อย 5 คน นำอาหารเช้ามาให้ เป็นเมนู "ข้าวต้มหมู"
เบื้องต้น พบว่า "ทิดแย้ม" และ "นางสาวอรัญญาวรรณ" หรือ "สีกาเก็น" ที่ถูกควบคุมจับกุมได้ที่เมืองพัทยา มีอาการเครียด เพราะถูกตำรวจสอบปากคำจนถึง 03.00 น.
วันเดียวกัน พระปลัดศานิตย์ จากวัดพระธรรมกาย ก็เดินทางมาเยี่ยม ซึ่งจากการพูดคุย แม้จะเครียด แต่ยังมีกำลังใจดี โดยยืนยันว่า ตัวเองยังเป็นพระอยู่ เพราะเอ่ยคำลาสิกขาไม่ครบถ้วน
ตามรายงานแจ้งว่า ตำรวจได้คุมตัว นายเอกพจน์ อดีตพระลูกวัด และคนสนิท "ทิดแย้ม" มาสอบปากคำ ให้การยอมรับว่า เป็นคนนำเงินจาก "ทิดแย้ม" ไปฝากตู้รับฝากเงินอัตโนมัติตามที่ต่าง ๆ เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของ "สีกาเก็น" นายหน้าเว็บฯ พนันจริง หลักฐานสำคัญที่ตำรวจมี คือ การโอนเงินให้ "สีกาเก็น" ในวันที่ 4 และวันที่ 23 สิงหาคม 2566 เป็นจำนวนเงินกว่า 4.8 ล้านบาท
อีก 1 รูป คือ พระวชิรปัญญาพร หรือ "พระอ๋อ" เลขานุการเจ้าคณะภาค 14 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มีหน้าที่เก็บเอกสารรายรับ-รายจ่ายของวัด ก็ถูกตำรวจคุมตัวสอบปากคำเช่นกัน หลังพบข้อมูลเชิงลึกว่าเป็นพระอีก 1 รูป ที่ "ทิดแย้ม" ไว้ใจถึงขั้นมอบหมายให้ "พระอ๋อ" โอนเงินเข้าบัญชี "สีกาเก็น" นับร้อย ๆ ครั้ง รวม ๆ กว่า 200 ล้านบาท
ด้าน อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม วิจารณ์แรง เกี่ยวกับอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ฝากถามว่า เป็นพระ แต่นำเงินมาจากไหนเยอะแยะมากมาย แถมยังไปหยิบยืมเงินพระด้วยกันอีก ยิ่งไม่ถูกต้อง ถ้าพระปฏิบัติตามพระวินัย เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พุทธศาสนิกชนไม่อยากเข้าวัดทำบุญ ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องตัวบุคคลเท่านั้น
