ดีเอสไอ แย้มอีก 1 สัปดาห์ขอหมายจับ หม่องชิต ตู่ หลังพบสัญญาให้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เช่าพื้นที่เมียวดี เชื่อมโยงคดีค้ามนุษย์เหยื่อชาวอินเดีย
ความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหลักฐานคดีค้ามนุษย์ชาวอินเดีย ซึ่งถูกนำตัวไปบังคับทำงานเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าพบพนักงานอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์ เพื่อหารือในประเด็นข้อกฎหมายในการออกหมายจับผู้พันเอก ซอชิตตู่ (Colonel Saw Chit Thu) หรือ พันเอก หม่องชิต ตู, พันโท โมเต โธน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และพันตรี ทิน วิน Tin Win (Major Tin Win) ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง (BGF) ซึ่งปกครองเมืองเมียวดี
ล่าสุด วันนี้ (12 ก.พ.68) รายงานข่าวจากดีเอสไอแจ้งว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อช่วงวันที่ 15 พ.ค.65-13 ส.ค.65 นายจาเวิด กับพวก รวม 8 คน ผู้เสียหายชาวอินเดีย ได้รับการชักชวนจากนางซาร่า ชาวปากีสถาน ซึ่งเป็นนายหน้า และนายเอ็ดเวิร์ด นายจ้าง ให้ไปทำงานเกี่ยวกับเทเลมาร์เก็ตติ้ง ที่ประเทศไทย ผู้เสียหายจึงเดินทางมาประเทศไทยเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต่อมาเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อไปถึงก็มีรถยนต์ของบริษัทแห่งหนึ่งมารับ และถูกพาข้ามแม่น้ำเมยตัวไปยัง เฮ็งเซ็ง รีสอร์ท แอนด์ กาสิโน เมืองเมียวดี
เมื่อผู้เสียหายทราบว่าเป็นงานที่ต้องหลอกลวงผู้อื่นก็ไม่ยอมทำ จึงถูกทำร้ายร่างกาย ช็อตไฟฟ้า และกักขังบังคับให้ทำงาน กระทั่งผู้เสียหายได้ให้ญาติโอนเงินไถ่ตัว จึงถูกปล่อยตัว และได้รับการช่วยเหลือจากดีเอสไอ
ทั้งนี้ ในการสอบสวนพบว่า นายเอ็ดเวิร์ด และนายเซี่ย เซียง เต๋อ สัญชาติจีน ได้ร่วมกันบังคับให้ผู้เสียหายทำงาน โดยมีนายมาร์ติน คิว วาย จาง ถือสัญชาติหมู่เกาะมาแชลล์ หรือคิว หยุน จาง สัญชาติจีน เจ้าของเฮ็งเซ็ง รีสอร์ท แอนด์ คาสิโน ร่วมกับคนไทยไปรับตัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ ยังพบว่า กองพลน้อยที่ 4 กองกำลังรักษาชายแดน เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมา เป็นผู้ให้เช่าพื้นที่ปรากฏ ตามสัญญาเช่าฉบับลงวันที่ 22 มิ.ย.60 ซึ่งมีพลเอก ซอ ชิต ตู่ เป็นผู้นำสูงสุด (BGF) จึงนำไปสู่การพิจารณาขอออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้กลับไปรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับคำแนะนำจากพนักงานอัยการที่หารือเมื่อวานนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นจะนำพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลออกหมายจับ
