ห้องข่าวภาคเที่ยง - วันนี้มีความคืบหน้าคดีที่ จังหวัดสุรินทร์ คนร้ายเข้าไปขโมยเงินในตู้เซฟของเจ้าอาวาส กวาดเงินไป 6.5 ล้านบาท แม้ขณะนี้ยังจับกุมตัวคนร้ายไม่ได้ แต่ตำรวจนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบการทำงาน สืบสวนเชิงลึกแล้ว
พลตำรวจตรี สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้เร่งให้ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดและตำรวจสถานีตำรวจภูธรโชคนาสาม อำเภอปราสาท ทำการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือในช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ เพื่อคัดแยกหมายเลขว่าเป็นของผู้ใดบ้าง เพื่อให้ทราบหมายเลขต้องสงสัยและเจ้าของหมายเลข พร้อมกันนี้ ประสานกล้องของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านพยุงสุข ซึ่งอยู่ใกล้วัดเพื่อตรวจสอบ นอกจากนี้ ได้ประชุมผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการตรวจสอบหากลุ่มบุคคลในตำบลโชคนาสามและใกล้เคียงที่มีประวัติลักเล็กขโมยน้อย และผู้มีประวัติออกจากเรือนจำ เพื่อนำตัวมาเปรียบเทียบกับรอยนิ้วมือแฝงบนกระจกของหน้าต่างห้องของเจ้าอาวาสด้วย
ขณะที่เบาะแสกลุ่มคนร้าย พลตำรวจตรี สุคนธ์ บอกว่า มี 2 กลุ่ม กลุ่มเเรก คือ พวกลักเล็กขโมยน้อย เข้ามาหวังขโมยพระพุทธรูป และบังเอิญเห็นตู้เซฟ จึงไปตามพรรคพวกซึ่งเป็นกลุ่มที่สอง ที่มีความชำนาญมากกว่า มาขโมยเงินในตู้เซฟไป โดยใช้เครื่องเจียรทำลายตู้เซฟ และใช้อุปกรณ์ทุบจนกลไกถูกทำลาย นั่นแสดงว่าคนร้ายกลุ่มที่สองมีความรู้เรื่องระบบกลไกตู้เซฟอย่างดี
สำหรับในตู้เซฟมีเงินทั้งหมด 6.5 ล้านบาท โดยครั้งล่าสุดที่เจ้าอาวาสนำเงินเข้าไปเก็บ คือ วันที่ 15 ตุลาคม 2567 จำนวนหลักแสนบาท จนเวลาผ่านไป 5 วัน ปรากฏว่าเงินหายไปแล้ว เชื่อว่าตำรวจจะจับกุมตัวคนร้ายได้ในเร็ววัน เพราะเก็บวัตถุพยานโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดรอบวัดไว้ได้ทั้งหมดแล้ว เพียงแต่ยังเปิดเผยไม่ได้
