แฟนหนุ่มกลัวแฟนสาวไม่ได้รับความเป็นธรรม ตำรวจจอมฉาวขับชนแล้วหนี แฟนสาวเสียชีวิตคาที่ หวั่นตำรวจทำสำนวนช่วยกัน

View icon 54
วันที่ 17 ก.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Boy Surachai” โพสต์ภาพพร้อมข้อความเหตุการณ์อุบัติเหตุของแฟนสาว ถูกตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ชนแล้วหนี เพื่อขอความเป็นธรรมเพราะกลัวว่าตำรวจจะช่วยกัน โดยข้อความระบุว่า “ผมขอออกมาพูดหน่อยนะครับ เกี่ยวกับข่าวที่แฟนผมถูกตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ชนแล้วหนี เรื่องเกิดเมื่อ วันที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 21.47 น. แฟนผมถูกตำรวจชนแล้วหนีจากที่เกิดเหตุ และมีแผ่นป้ายทะเบียน งฉ 549 ขอนแก่น ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ผมได้มีการโทรหาแฟนผม เพราะเห็นว่าไปกินหมูกระทะกับพี่ที่ทำงาน SCB แต่ 22.00 น.แล้ว ยังไม่ถึงบ้าน และมีกู้ภัยรับสายบอกว่าเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอยู่ถนนเลี่ยงเมืองตรงบ้านเป็ด ผมจึงรีบไปที่เกิดเหตุ และเห็นแฟนผมนอนเสียชีวิต ผมได้มีการสอบถามกับทางกู้ภัยว่าคู่กรณีอยู่ไหน ทางกู้ภัยบอกว่าเขาหลบหนี แต่มีทะเบียนตกอยู่ที่เกิดเหตุ (งฉ 549 ขอนแก่น) ผมจึงสอบถามไปกับทางกู้ภัยว่า แล้วมีผู้เห็นเหตุการณ์ไหม เขาบอกว่ามีแต่เขากลับไปแล้ว และไม่ได้ให้ข้อมูลติดต่อไว้ด้วย

วันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 00.07 น. ผมและเพื่อน ๆได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อลงบันทึกประจำวัน และได้มีการสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ของทางแฟนผมที่เสียชีวิต ได้แจ้งว่าแฟนผมถูกชนแล้วหนีให้ช่วยตามทะเบียนคนผิดให้ด้วย ผมคาดว่าเขาน่าจะเมาแล้วขับ และผมได้สอบถามเกี่ยวกับแผ่นป้ายทะเบียนของรถมอเตอร์ไซค์แฟนผมว่าอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะแฟนผมเอาไว้ใต้เบาะรถ ทางร้อยเวรจึงออกไป ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อนำรถมอเตอร์ไซค์ของแฟนผมมาที่ สภ.บ้านเป็ด แต่ไม่พบแผ่นป้ายทะเบียน และทางร้อยเวรก็ได้ทำการบันทึกข้อมูลเวลา 06.55 น.

เพจ จุดบริการประตูเมือง มูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคี ได้โพสต์เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า รถจักรยานยนต์ล้มเองและเสียชีวิต โดยมีภาพแผ่นป้ายทะเบียน งฉ 549 ขอนแก่น ในภาพ จึงมีผู้มาคอมเมนต์ว่าเป็นชนแล้วหนี ทางเพจจึงมีการแก้ไขโพสต์เป็น รถยนต์+จักยานยนต์+เสาไฟ (คู่กรณีหลบหนี) และต่อมาเวลาได้ทำการแก้ไขกลับไปเป็นรถจักรยานยนต์ล้มเองและเสียชีวิต และได้ทำการลบคอมเมนต์สำคัญไป และได้ปิดการคอมเมนต์สำหรับโพสนี้ไปในที่สุด ซึ่งมันแปลกมาก ทำไมถึงไม่แจ้งความจริง ลง เวลา 07.17 น.

ทางร้อยเวรได้โทรมาหาผมว่าทราบตัวคู่กรณีแล้ว และบอกชื่อกับผมแต่ไม่บอกนามสกุล ผมจึงได้ย้ำว่ามีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หรือยัง ทางร้อยเวรแจ้งว่าจะมีการดำเนินการ เวลา 9.54 น. ผมได้ข้อมูลมาว่าเคยมีตำรวจเมาแล้วทะเลาะกับชาวบ้านแถว สภ.บ้านเป็ด และที่สำคัญชื่อตรงกับที่ร้อยเวรแจ้งผม และเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.บ้านเป็ด ช่วงประมาณ 11.00-11.30 น. ได้พบกับร้อยเวรที่ทำคดีนี้ และได้พูดคุยกันที่หน้าศาลาพิธีกรรม รพ.ศรีนครินทร์ ทางตำรวจแจ้งว่าได้มีการนำคู่กรณีมาตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ เช่นกัน

เช้าวันที่ 13 กันยายน 2567 ประมาณ 09.00 น. ผมกับเพื่อนได้เข้าไปที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อขอบันทึกประจำวัน แต่บันทึกประจำวันระบุว่าแฟนผมขับรถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนและเสียชีวิต ซึ่งไม่มีการระบุใด ๆเกี่ยวกับรถชนแล้วหนี ลงบันทึกแบบนี้มันได้เหรอ?
วันที่ 16 กันยายน 2567 ผมกับพี่และลุงได้เข้าไปที่ สภ.บ้านเป็นเรื่องการชดเชยเยียวยา และผมได้คุยกับตำรวจคู่กรณีว่า
บอย : ก่อนเกิดเหตุมาจากไหน
ตำรวจคู่กรณี : อยู่ สภ.ครับ
บอย : ชนแฟนผมตอนไหน
ตำรวจคู่กรณี : เกือบ 4 ทุ่มครับ
บอย : แล้วกลับถึงบ้านกี่ทุ่มครับ
ตำรวจคู่กรณี : เกือบเที่ยงคืนครับ เพราะผมไปบ้านแฟนก่อนกลับบ้าน
บอย : มาหาผู้กองที่สภ.บ้านเป็ด กี่โมง
ตำรวจคู่กรณี : มาตอนเช้า ช่วง 8 โมง ขับรถมาเอง
บอย : ผมมาถึง สภ.บ้านเป็ดเที่ยงคืนนิด ๆ แต่คุณรู้ว่าแฟนผมเสียชีวิตจากใครครับตอนเที่ยงคืน
ตำรวจคู่กรณี : จากผู้กองครับ

ต่อมาผมได้ทำการสอบถามกับทางผู้กอง ได้มีการสอบถามเกี่ยวกับการตรวจแอลกอฮอล์แล้วหรือยัง ซึ่งคำตอบที่ได้คือให้เป่าแล้ว ช่วยบ่าย 3 หลังจากวันที่เกิดเหตุ เห้ยยย แล้วที่เจอกันก่อนหน้านี้บอกพามาตรวจที่ รพ.คืออะไร ยิ่งไปกว่านั้นคู่กรณีบอกว่าขับรถมามอบตัวเองตอน 8.00 น. สภ.นี้ไม่มีคนตรวจวัดแอลกอฮอล์เลยเหรอครับ แต่กลับปล่อยให้เขากลับบ้านไปแบบหน้าตาเฉย และได้สอบถามผู้กองเพิ่มว่า วันที่เกิดเหตุตำรวจคู่กรณีได้ติดต่อผู้กองมาไหม ซึ่งผู้กองบอกว่าไม่มีการคุยกัน

ต่อมาในบันทึกประจำวันที่มาคุยในเรื่องค่าเสียหายของแฟนผม ทางผู้กองไม่ยอมลงว่า คู่กรณีหลบหนีในบันทึกประจำวัน มันแปลกมาก จนผมต้องจี้ซ้ำ ๆ ถึงจะยอมพิมพ์ออกมา ทำไมเหรอครับ คำว่าหลบหนีจากที่เกิดเหตุมันเป็นอะไรเหรอครับ และการคุยกันเรื่องค่าเสียหายจบด้วยการไม่ลงตัว และแจ้งว่าจะนัดมาคุยเดือนหน้าแต่ไม่ระบุวันที่ คืออะไร? ตอนนี้ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบ ผมกลัวครอบครัวแฟนผมที่เสียชีวิตจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมคิดว่า สภ.นี้แปลก ๆ เหมือนจะพยายามช่วยพวกเดียวกัน วอนสื่อต่าง ๆ ช่วยผมทีครับ ผมขอร้องจริง ๆ”

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ สภ.บ้านเป็ด เพื่อติดตามคดีดังกล่าว โดยพบรถยนต์กระบะของตำรวจคู่กรณีจอดอยู่ที่หน้าโรงพัก เป็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน งฉ 549 ขอนแก่น ซึ่งเป็นหมายเลขทะเบียนเดียวกันกับที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นได้สอบถาม พ.ต.อ.ณรชต แก้วเพชร ผกก.สภ.บ้านเป็ด ทางโทรศัพท์ ทราบว่า ในทางคดีนั้นเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับ จ.ส.ต.ธนาธิป รัชโพธิ์ หรือจ่าแซม คู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ในข้อหา ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ในส่วนของการหลบหนีนั้น จะต้องทำการสอบปากคำจ่าแซมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะในวันเกิดเหตุนั้นฝนตก ประกอบกับเส้นทางมืด

โดยคำให้การเบื้องต้นของจ่าแซมบอกว่า ไม่ทราบว่าวันเกิดเหตุได้ไปชนใครหรือไม่ จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ร้อยเวรเจ้าของคดีพบทะเบียนรถตกอยู่ที่เกิดเหตุ จึงได้โทรตามจ่าแซมมาที่โรงพัก ว่าใช่ทะเบียนรถของจ่าแซมหรือไม่ ซึ่งจ่าแซมก็รับว่าใช่ เป็นทะเบียนรถของตัวเองจริง และสอบปากคำรวมทั้งตรวจสอบร่องรอยที่รถ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวไป และจะได้ทำการตรวจร่องรอยการชนจาก พฐ. ว่าตรงกับร่องรอยบนรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีพฤติการหลบหนีก็จะต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม ในส่วนของปริมาณแอลกอฮอล์นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการตรวจวัดแล้ว แต่เนื่องจากในวันเกิดเหตุเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุ ทำให้ไม่ได้เป่าวัดตั้งแต่แรก แต่มาเป่าในวันต่อมาซึ่งต้องรอดูผลว่าจะสามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้วขึ้นค่าวัดหรือไม่ หากไม่มีก็จะตรวจสอบพฤติการในวันเกิดเหตุว่ามีพฤติการดื่มสุราหรือไม่ และหากตรวจวัดปริมาณไม่เจอก็ยังไม่แจ้งข้อหาเกี่ยวกับเมาแล้วขับ แต่หากสอบสวนแล้วพบว่าน่าจะมีพฤติการมึนเมา ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม แต่ทั้งนี้ในส่วนของทางคดีนั้นยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนไม่มีละเว้น

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์ นายบอย อายุ 28 ปี ผู้โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งกำลังเดินทางไปพบกับทนายความที่ จ.กาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ยังติดใจในส่วนของบันทึกประจำวัน ตั้งแต่วันที่แจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน ว่ามีพฤติการณ์หลบหนี แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่ลงให้ วันต่อมาคู่กรณีมามอบตัว ตนเองสอบถามตำรวจหลายคนซึ่งบอกไม่ตรงกัน บางคนก็บอกมาช่วงบ่าย บางคนก็บอกมาช่วงเช้า พอตนเองได้คุยกับคู่กรณี บอกตนเองว่าขับรถมาเองที่โรงพักตอน 08.00 น. ทำให้เกิดความสงสัยว่า ถ้ามาช่วง 08.00 น. ทำไมจึงไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ไว้ทันที ทำไมจึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเกือบบ่าย 3 ตนเองย้ำไปกับทางพนักงานสอบสวนว่า ต้องมีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และขอผลตรวจด้วย พร้อมทั้งขอทราบชื่อแพทย์ที่ตรวจด้วย แต่ก็ไม่มีเอกสารเหล่านี้ให้กับตนเอง

ในส่วนการดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆนั้น ทางพนักงานสอบสวนไม่เคยบอกอะไรเลย มีแต่บอกว่าจะให้ความเป็นธรรมที่สุดไม่ต้องห่วง แต่บันทึกประจำวันที่ไปแจ้งความยังบันทึกให้ไม่หมด ทำให้เกิดความกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และขั้นตอนไกล่เกลี่ยนั้นยังไม่สามารถตกลงกันได้ และการลงบันทึกข้อความก็ไม่มีข้อความว่าหลบหนีจากที่เกิดเหตุ ทำให้ตนเองไม่ขอเซ็นเอกสารหลังการพูดคุย ซึ่งถกเถียงกับทางตำรวจนานเกือบครึ่งชั่วโมง จนสุดท้ายตำรวจจึงยอมลงให้ว่าหลบหนีจากที่เกิดเหตุ ตนเองจึงยอมเซ็น แต่มีเพียงใบล่าสุดนี้เท่านั้นที่ลงว่าหนีจากที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ใบอื่น ๆ รวมทั้งตอนที่มามอบตัวก็ไม่ได้ลงให้ว่าหลบหนีจากที่เกิดเหตุ ทำเหมือนว่าคู่กรณีอยู่ในที่เกิดเหตุและไม่ได้หลบหนี ตนเองจึงไม่ยอมและต้องการให้ลงในส่วนนี้ด้วยเท่านั้น ตนติดใจการทำงานของตำรวจ เหมือนว่าจะช่วยกัน พยายามทำให้โทษเบาลง

สำหรับการพูดคุยกับคู่กรณีเมื่อวานที่ผ่านมา ก็พูดไม่ค่อยตรงกับเหตุการณ์จริงที่ได้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน ทั้งยังนัดมาคุยอีกเดือนหน้าก็ไม่มีการระบุวัน เหมือนจะปล่อยให้เงียบไปเฉย ๆ ซึ่งตามจริงจะต้องมีการระบุวันนัดคุยกันอย่างชัดเจน หลังเกิดเหตุตนเองวิ่งเรื่องทางคดีทั้งหมด โดยทางครอบครัวแฟนรับทราบ เพราะต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ตอนนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ในส่วนการเยียวยานั้น ทางคู่กรณีก็ต้องมารับผิดชอบกับครอบครัวผู้เสียชีวิตตามความเหมาะสม ส่วนในทางคดีขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะส่วนตัวมองว่า คนเป็นตำรวจไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะหากวันเกิดเหตุคู่กรณีอยู่ช่วยเหลือแฟนสาวของตนจนสุดความสามารถ ตนก็พอจะพูดคุยไกล่เกลี่ยได้ แต่เป็นตำรวจชนแล้วหลบหนี ตนไม่ยอม ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังพบว่าคู่กรณีที่เป็นตำรวจนั้น เคยมีประวัติเรื่องพฤติกรรมเมาสุราในเวลาราชการ ซึ่งเคยมีข่าวไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน เม.ย. 67 ที่ผ่านมา โดยมีคลิปเหตุการณ์เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ได้ช่วยกันแยก จ.ส.ต.ธนาธิป รัชโพธิ์ หรือจ่าแซม ออกมาจากกลุ่มวัยรุ่น หลังจากมีปากเสียงทะเลาะกันบริเวณหน้า สภ.บ้านเป็ด โดยที่จ่าแซม ได้อยู่ในอาการเอะอายโวยวายด่ากับกลุ่มวัยรุ่น หาว่าวัยรุ่นไปขโมยของ ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแยกจ่าแซมออกมาสงบสติอารมณ์

กระทั่งต่อมามีคลิปเหตุการณ์จ่าแซมตะโกนด่าเจ้าของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามโรงพัก เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2567 ด้วยถ้อยคำหยาบคายย เสีย ๆ หาย ๆ ต่อเจ้าของร้าน และยังระรานในร้านจนลูกค้าไม่กล้าเข้ามานั่งรับประทานอาหาร ทำให้ร้านอาหารได้รับความเดือดร้อน ซึ่งทาง ผกก.สภ.บ้านเป็ด ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้วในขณะนั้น และในส่วนของการทำงานของจ่าแซมนั้น เป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวน ไม่ต้องพกพาอาวุธปืน เพราะลักษณะงานที่ได้รับมอบหมายไม่ต้องใช้ปืน ส่วนปัญหากับเพื่อนร่วมงานนั้น ไม่ปรากฎว่ามีในลักษณะที่มีเรื่องมีราวกัน