บุกจับผับดัง นทท.จีนเปิดห้อง VIP จัดปาร์ตียา

View icon 116
วันที่ 2 มิ.ย. 2566
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ ดส. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. บุกทลายปาร์ตี้มังกรจีน เปิดห้องคาราโอเกะราคา 100,000 บาท มั่วสุมเสพยาเสพติดสารพัดชนิด

บุกจับผับดัง นทท.จีนเปิดห้อง VIP จัดปาร์ตียา
ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เข้าตรวจค้นสถานบันเทิง ไดมอนด์ เคทีวี ภายใน เมรี อาบอบนวด บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จากการตรวจค้น พบนักเที่ยวชาวจีนจำนวน 48 คน เป็นหญิง 18 คน ชาย 30 คน เปิดห้องคาราโอเกะ 4 ห้อง ขณะกำลังจัดปาร์ตีมั่วสุมเสพยาเสพติด พบของกลางยาเสพติด อาทิ โคเคน, เคตามีน, ยาอี และอุปกรณ์การเสพจำนวนมาก

พันตำรวจเอก ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้กำกับการ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี เปิดเผยว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ ได้แอบเปิดให้บริการห้องคาราโอเกะ สำหรับกลุ่มนักเที่ยวชาวจีนที่มีฐานะเท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้คนไทยเข้า ซึ่งจะให้บริการตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป จนถึงเช้า ส่วนค่าบริการห้องคาราโอเกะ อยู่ที่ห้องละ 100,000 บาท ใช้บริการได้ 6 ชั่วโมง นับแต่เปิดห้องจนถึงเช้า ซึ่งแต่ละห้องจะมีดีเจส่วนตัวเปิดเพลงให้ มีเด็กเสิร์ฟประจำให้แต่ละห้อง และต้องจองล่วงหน้า

ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหาข้อมูลสถานบันเทิงแห่งนี้ มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ กระทั่งสืบทราบว่า สถานบันเทิงแห่งนี้มีพฤติการณ์คล้ายกับผับจินหลิง ที่เคยถูกเข้าจับกุมไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565

ซึ่งร้านแห่งตั้งอยู่ภายใน เมรี อาบ อบ นวด แต่ในส่วนของอาบอบนวดนั้น ไม่ได้เปิดใช้บริการแล้ว ซึ่งจะต้องเดินผ่านห้องโถงเข้าไปข้างใน เมื่อเข้าไปจนสุดทางเดิน จะพบส่วนของประตูกระจกกั้นแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยในส่วนของร้านจะประดับไปด้วยไฟแอลอีดีส่องสว่างตามเสา อย่างหรูหราทันสมัย มีทั้งสิ้น 8 ห้องสูท เรียงตามตัวเลข และที่ห้องโถงต้อนรับ มีเคาน์เตอร์รับแขก

ล่าสุด พนักงานร้านระบุว่า สถานที่แห่งนี้เปิดมาได้แค่เพียง 1 เดือน เท่านั้น โดยตนเองก็ไม่ทราบว่าเจ้าของเป็นใคร แต่มีผู้จัดการร้านเป็นชาวจีนมาคอยดูแล สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ ส่วนมากจะเป็นชาวจีนเช่นกัน และมีคนไทยเข้ามาใช้บริการบ้างบางครั้ง คาดว่าน่าจะมีไกด์ ที่เป็นผู้พาลูกค้ามาให้ใช้บริการที่ร้าน 

สำหรับพนักงานภายในร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือ ชาวม้ง ที่สามารถพูดภาษาจีนได้ ส่วนเรื่องราคาค่าห้องทราบเพียงว่า มีตั้งแต่ราคา 6,500-15,000 บาท ไม่รวมค่าเครื่องดื่ม ซึ่งค่าใช้จ่ายของกลุ่มนักเที่ยวดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 70,000-80,000 บาท ส่วนประเด็นยาเสพติด ทางร้านไม่ได้มีส่วนเกียวข้อง เพราะถ้าตนเองรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้คงไม่มาทำงาน

สั่งตรวจสอบ! ตร.ท้องที่บกพร่องหรือไม่
ส่วนกรณีที่กลุ่มนักเที่ยวจีน จะมีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิงหรือไม่นั้น พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบ ขณะนี้ยังรอรับรายงานอยู่ ส่วนประเด็นตำรวจท้องที่ปล่อยปละเลยหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า หากพบว่าเกิดจากการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องถูกลงโทษ และเชื่อว่า ยังมีการกระทำในลักษณะนี้ในพื้นที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง

หลังจากนี้ จะต้องให้ตำรวจเข้มงวดและสืบหาข่าวเกี่ยวกับการจัดงานในลักษณะนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ส่วนการดำเนินการกับสถานบันเทิงนั้น เป็นอำนาจหน้าที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ มีรายงานว่า สถานที่แห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีการจับกุมชายชาวไทย คาดว่าเป็นคนดูแลสถานที่ดังกล่าว ในข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน หลังตรวจค้นพบอาวุธปืน 1 กระบอก ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมด ได้ทำบันทึกจับกุมแล้ว พร้อมส่งตัวไปที่ สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พบ ยาเสพติด ซุกในรถนักท่องเที่ยวจีน
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้ไปตรวจที่ลานจอดรถของร้าน พบรถยนต์ของนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 6 คัน โดย 1 ในนั้น มียาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์อยู่ภายในรถ เจ้าของรถเป็นหนุ่มชาวจีน อ้างว่า เข้ามาใช้บริการร้านแห่งนี้ได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ส่วนเรื่องยาเสพติดยังไม่ขอให้การ

ด้าน พลตำรวจตรี อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ระบุว่า จากเอกสารที่ตรวจพบ ปรากฏว่า เจ้าของร้านเป็นคนไทย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ต้องขอตรวจสอบในเชิงลึกอีกครั้ง และจากระยะเวลาตั้งแต่ตอนเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม จนถึงตอนนี้กว่า 8 ชั่วโมง ยังไม่พบว่าภายในร้านมีการรับฝากยาเสพติด เหมือนกับที่ผับจินหลิง

ส่วนการดำเนินการกับตำรวจในพื้นที่ เบื้องต้นจะต้องมีการดำเนินการอย่างแน่นอน โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนจะต้องดำเนินการกับตำรวจรายใดยังไม่สามารถบอกได้