กางไทม์ไลน์ 3 ส.ค. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

View icon 100
วันที่ 23 พ.ค. 2566
ข่าวภาคค่ำ
แชร์
ข่าวภาคค่ำ - รัฐบาลกางไทม์ไลน์การทำงานในช่วงรักษาการ คาดว่า จะทำงานวันสุดท้าย 11 สิงหาคมนี้ และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 สิงหาคมนี้

กางไทม์ไลน์ 3 ส.ค. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลว่า ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 จะเป็นวันสุดท้ายที่ กกต. ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง และในวันที่ 20 กรกรฎาคม 2566 เป็นวันสุดท้ายที่ให้ สส. รายงานตัว จากนั้นวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา และกำหนดเปิดประชุมสภาฯ ในวันถัดไป เพื่อเลือกประธานสภาฯ ก่อนที่ในวันที่ 3 สิงหาคม 2566 จะเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี จากนั้นวันที่ 10 สิงหาคม 2566 แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และวันที่ 11 สิงหาคม 2566 เมื่อมีการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ แล้ว จะถือว่าสิ้นสุดการทำหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบัน

นายวิษณุ ระบุด้วยว่า อำนาจของ สว. ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี จะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 พฤษภาคม ปีหน้า ดังนั้น หากจะยื้อรอเวลาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปถึงช่วงเวลานั้น ก็อาจนานเกินไป และไม่ไเกิดประโยชน์ต่อประเทศ

สำหรับท่าทีของ สว. ต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ หนึ่งใน สว. ที่ยืนยันว่า จะไม่โหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การกดกันจากฝ่ายต่าง ๆ จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจอย่างแน่นอน และแม้ใน MOU จัดตั้งรัฐบาล จะไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 บรรจุไว้ แต่ท่าทีของพรรคก้าวไกล ก็ยังแน่วแน่ที่จะแก้ไขมาตราดังกล่าว

นายวันชัย สอนศิริ สว. มองว่า เสียงของ สว. ในขณะนี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ชัดเจนว่าโหวตหรือไม่โหวต งดออกเสียง และสงวนท่าทีรอจนถึงวันลงมติ เพราะยังมีเวลา ซึ่งส่วนตัวคิดว่าพรรคก้าวไกลคงมีวิธีสื่อสารกับ สว. ที่ยังมีความกังวล และเห็นว่าการชุมนุมของภาคประชาชนอาจมีผลต่อการตัดสินใจ เพราะ สว. คงไม่ปฏิเสธเสียงของประชาชน

พิธา ลุยหารือภาคเอกชนฟื้นความเชื่อมั่น
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ซ้อนรถจักรยานยนต์รับจ้างไปหารือกับสมาชิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ยังกังวลใจเกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรง และต้นทุนค่าไฟฟ้าพุ่ง โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน พร้อมรับทราบแผนการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง นายพิธา ยืนยัน การปรับขึ้นค่าแรง จะพิจารณาด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำให้ภาคเอกชนเริ่มคลายกังวล

ด้านปลัดกระทรวงพลังงาน เผยข่าวดี ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ Ft งวดเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม ที่จะถึงนี้ จะปรับลดอย่างแน่นอน 50-70 สตางค์ต่อหน่วย หลังราคาก๊าซแอลเอ็นจี ดิ่งเหลือเพียง 10.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู และหากการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น แนวโน้มค่าไฟฟ้าอาจลดลงอีก