เช้าข่าว 7 สี

ร้อง ทนายตั้ม ถูกคนเอาชื่อไปกู้ยืมเงินกรมธรรม์

เช้าข่าว 7 สี - มีผู้เสียหายพร้อมครอบครัวไปขอคำปรึกษากับ ทนายษิทรา ว่าจู่ ๆ ทั้งตัวเอง ภรรยา และลูกสาว ต้องกลายเป็นหนี้กว่า 3 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้กู้หนี้ยืมสินเงินจำนวนนี้จากใคร พอสืบไปสืบมาจึงรู้ว่ามีคนสวมรอยเอาชื่อไปใช้กู้ยืมเงิน แต่พอไปแจ้งความตำรวจกลับบอกว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

นายชนธัญ เวโรจนนันท์ อายุ 55 ปี นักธุรกิจส่วนตัว พร้อมครอบครัว เข้าขอคำปรึกษาทางกฎหมายกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม หลังถูกอดีตตัวแทนบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง และตำรวจ สน.ทองหล่อ แอบอ้างเอาชื่อไปกู้ยืมกรมธรรม์ประกันภัย ทำให้ผู้เสียหายต้องมีหนี้เกือบ 3 ล้านบาท

นายชนธัญ เล่าว่า อดีตเคยทำกรมธรรม์กับอดีตตัวแทนประกันรายนี้ ซึ่งตอนนั้นเคยมีเรื่องที่อีกฝ่ายแอบนำชื่อไปกู้เงินกรมธรรม์ยอดเงิน 4 ล้านบาท โดยที่ไม่ทราบ ซึ่งต่อมาก็มีการไกล่เกลี่ยเคลียร์ปัญหานำเงินไปคืนกันเรียบร้อยก็ตัดขาดไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก กระทั่งเดือนมิถุนายน จู่ ๆ ก็มียอดเงินโอนเข้ามาบัญชีตนเอง 1.7 ล้านบาท อดีตตัวแทนประกันรายนี้ ก็โทรมาหาบอกว่า เงินดังกล่าวเป็นของตนเองที่เคยนำไปลงทุน มาขอให้คืนเงิน จากนั้นก็มีตำรวจ สน.ทองหล่อ ติดต่อมาพูดเชิงข่มขู่ว่าถ้าไม่นำไปคืนจะดำเนินคดี

แต่หลังนำเงินดังกล่าวไปส่งมอบกันต่อหน้าตำรวจ ก็มีเงินอีก 1.2 ล้านบาท โอนเข้ามาบัญชีภรรยา ซึ่งอดีตตัวแทนประกันรายนี้ก็โทรมาหาอีก บอกแบบเดิมว่าเงินเป็นของตนเองให้นำไปคืนด้วย แต่คราวนี้เริ่มเอะใจ จึงติดต่อสอบถามไปทางธนาคาร ซึ่งก็ได้ข้อมูลว่ามาจากทางบริษัทประกันภัยรายหนึ่ง แต่เมื่อสอบถามไป ปรากฏว่ามีคนนำชื่อของตนเองไปกู้ยืมเงินกรมธรรม์ ทั้งที่ไม่ทราบเรื่อง และไม่เคยเซ็นชื่อในเอกสารใด ๆ ซึ่งทางบริษัทประกันก็ชี้แจงว่า มีบุคคลหนึ่งโทรศัพท์ไปแจ้งขอเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลในกรมธรรม์ของตนเองผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ เพราะตนเองเคยลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ไว้ และทำเรื่องกู้เงินรวม 3 ล้านบาท

ส่วนที่ต้องนำเรื่องนี้มาปรึกษากับ ทนายษิทรา เพราะเคยไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.คลองหลวง แล้ว แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ อ้างว่าตัวเองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง อีกทั้งบริษัทประกันดังกล่าวยังเตรียมเรียกเก็บเงินตัวเองแล้ว จึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้

ด้าน ทนายษิทรา บอกว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.คลองหลวง อีกครั้ง โดยจะดำเนินคดีกับอดีตตัวแทนประกัน, ตำรวจ สน.ทองหล่อ และเจ้าของบัญชีธนาคารอีกบัญชี ที่อดีตตัวแทนประกันจะให้โอนเงินคืน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร รวมถึงตั้งข้อสงสัยเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ สน.ทองหล่อ นายนี้ด้วย

จากการสอบถามไปทาง พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้บอกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ว่าตำรวจนายดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ หรือ มีการกระทำใดเข้าข่ายเป็นการทำเกินหน้าที่หรือไม่ คาดว่าไม่เกิน 7 วัน จะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้